รีวิว Kawasaki Versys 1000 ทัวริ่ง 4 สูบ สายเขียวคันโต ขี่ง่ายเชื่องมือ ควบคุมสบาย

สำหรับผู้ที่รักและชื่นชอบในการเดินทาง มักมองหารถ Bigbike แนว Adventure Touring ดีๆ สักคัน และถ้าอยากจะจบเลยคงต้องมองไปที่ระดับตัวพัน
ในวันนี้ 9carthai เราขอมาเอาใจนักเดินทางไกลกันครับ กับ รีวิว Kawasaki Versys 1000 สุดสายทัวริ่งค่ายเขียวกันดีกว่าครับ ที่สำคัญ มากับโปรผ่อนเบาสบายๆ 0% อีกด้วย

Kawasaki Versys 1000 (คันทดสอบนี้ได้มีการติดตั้ง แครชบาร์ และ ไฟตัดหมอกหน้า เปลี่ยนยางเป็น Conti Race Attack)

เมื่อ 2 ปีก่อน ผู้เขียนได้เคยขี่ Kawasaki Versys 650 มาแล้ว ซึ่งต้องบอกตรงๆว่าหน้าตา นั้นถอดแบบเหมือนกันเกือบจะเป๊ะๆ ทั้ง วินชิลด์หน้า บิดปรับระดับได้ง่าย, กระจกมองข้าง, มือจับด้านท้ายที่ออกแบบรองรับการติดตั้งกระเป๋าข้างเอาใจสายเดินทาง Touring โดยเฉพาะ (เป็นออปชั่นเสริมตรงรุ่น) นอกจากนี้ยังมีออปชั่นเสริมที่บริเวณด้านหน้า บริเวณข้างแผงหน้าปัด จะมีช่องวงกลมทางฝั่งซ้ายและขวา เอาไว้ติดตั้งช่องจ่ายไฟ และไฟบอกเกียร์เพิ่ม

(แต่ในคันทดสอบนี้ได้มีการติดตั้งไฟบอกเกียร์เพิ่มเข้ามาดังภาพที่เห็น)

จุดต่างหลักๆ ของตัว 1000 และ 650 ได้แก่ขนาดมิติตัว, ท่อไอเสีย, เฟรม เป็น Twin-Tube อลูมีนัม, มาตรวัด, เครื่องยนต์ มีขาตั้งคู่ให้ มีตะแกรงวางของด้านท้ายให้ เป็นต้น

Versys 1000 ใช้ยางหน้าไซส์ 120/70/R17 ยางหลังไซส์ 180/55/R17
ด้านน้ำหนักตัวนั้นมากถึง 250 กก. (Curb Weight)
ถังน้ำมันจุ 21 ลิตร เท่ากันกับ Versys 650
เบาะสูง 840 มม. เท่ากับ Versys 650

มาตรวัดความเร็วเป็นแบบดิลิตอล พร้อมแสดงผลฟังก์ชั่นต่างๆ อาทิ อุณหภูมิ, Odo, Trip, อัตราสิ้นเปลือง, เกจ์น้ำมัน, Mode ขับขี่ (F,L) และ KTRC ที่ปรับได้ 3 ระดับ ในส่วนมาตรวัดรอบแบบเข็มมี Redline ที่ 10,000rpm

ก้านคลัชปรับได้ 5 ระดับ ก้านเบรกปรับ 6 ระดับ

สวิทช์ฝั่งซ้าย มีปุ่มเลือก โหมดขับขี่ และปรับระดับ KTRC ได้ 3 ระดับ พร้อมปุ่มสวิทช์ไฟ Hazard ด้านขวา

ในด้านของท่านั่งขี่ Versys 1000 นั้นแม้จะมีน้ำหนักตัวที่มาก แต่หาก 2 ล้อเคลื่อนตัวออกไปแล้ว มันช่างควบคุมได้ง่ายอย่างน่าประหลาดใจ ผู้เขียนสูง 174 ซม. เมื่อใส่รองเท้าผ้าใบ หรือ รองเท้าบู๊ท ก็เหยียบเกือบเหยียบพื้นได้เต็ม 2 เท้า เนื่องจากเบาะนั่งค่อนข้างกว้างจึงอาจทำให้เหยียบยังไม่เต็มที่นัก แต่แลกด้วยเบาะนั่งที่นุ่มนั่งสบาย ไม่ว่าคุณจะสรีระใหญ่หรือเล็ก

ตำแหน่งแฮนด์บาร์ อยู่ในระดับที่พอเหมาะ ไม่งอและตึงแขนเกินไป และการวางเท้าที่ไม่งอจนเมื่อย หรือเหยียดตึงจนใช้เบรกและคันเกียร์ลำบาก ท่านั่งที่สบาย ซึ่งทำให้การเลี้ยวหรือบาลานซ์รถนั้นดูง่ายกว่า Ninja 1000 อย่างชัดเจน การมุดรถติด ก็ไม่ยากเย็นอะไรจากตำแหน่งแฮนด์และกระจกมองข้างที่โดยส่วนใหญ่หลบกระจกรถยนต์ไปได้มาก และเบาะที่ไม่สูงโด่งจนเกินไปจึงให้ความมั่นคงได้ดีในขณะรถติด

นอกจากนี้วินชิลด์ที่ปรับได้สูงใช้งานได้จริง ไม่ต้องไปเปลี่ยนวินชิลด์แต่งให้เปลืองเงิน

ในตำแหน่งของผู้ซ้อนเราจะพบว่า เบาะ 2 Step นี้ดูจะสูงโด่งไปเสียหน่อย ซึ่งผู้ซ้อนอาจจะโต้ลมมากเมื่อทำความเร็วสูง

เครื่องยนต์ ความจุ 1,043cc 4 สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ กำลังอัด 10.3:1 มอบกำลังสูงสุด 120 ps@9,000rpm และแรงบิด 102Nm@7,500rpm

เริ่มต้นสตาร์ทรถ เหย….. คลัชนิ่มโคตร เบาสบายนิ้วมาก เบากว่ารถระดับ Entry พิกัด 250-300cc ด้วยซ้ำ ผลจากระบบ Slipper Clutch และ Kawasaki Assist ที่ใส่มาใน Versys 1000 ปี 2015 และ Ninja 1000 ปี 2016 เป็นต้นไป ช่วยทำให้คลัชเบาลง 30% รวมไปถึงมีแรง Engine Brake ที่ต่ำ ไม่กระชากเมื่อต้องลงแบบ รวบเกียร์ ทำให้รถบาลานซ์ดีไม่สูญเสียการควบคุม

ในเรื่องของเสียงเครื่องยนต์ ถือว่าค่อนข้างเงียบแต่ยังคงแฝงความรู้สึกที่ทรงพลังเอาไว้ ด้านสมรรถนะการขี่แน่นอน 4 สูบเรียงนี้มันช่างนิ่มนวล แบบผู้ดี ไม่กระชากคุมยากแบบพวก 2-3 สูบ แต่ถึงกระนั้นช่วงออกตัวก็ทำได้ดีทีเดียว หากดูจากกราฟแรงม้า หรือ ตัวเลขที่รีดกำลังออกมาสูงสุด เครื่องยนต์ 4 สูบของ Versys 1000 นี้ จะเซ็ทให้เน้นทอร์คที่รอบต้นมากหน่อย นั่นจึงทำให้ปลายนั้นอาจไม่จัดจ้าน เหมือนกับรถ 4 สูบคันอื่นๆ ที่เป็นพวก “รอบจัด” หรือแม้กระทั่ง Ninja 1000 เอง แต่เราต้องถือว่า มันเซ็ทอัพมาได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งานในสไตล์ Adventure Touring แล้วล่ะ

ในการขี่จริงผู้เขียนประทับใจยิ่ง การเดินทางไกลคุณแค่เปิดคันเร่งเบาๆ อาการกระชากขึ้นแบบนิ่มๆ พร้อมรีดกำลังออกมาให้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง เผลอแปปเดียวมาตรวัดแตะระดับ 160 กม./ชม. อย่างสบายๆ เรียกได้ว่าแรงพละกำลังเหลือเฟือ เหมาะแก่การเดินทางไกลอย่างแท้จริง ขณะที่การขี่ในเมืองนั้น ก็อาจต้องเดินคันเร่งให้เนียนหน่อย เมื่อเจอจราจรที่ติดขัด ซึ่งรถคันนี้ก็มี Mode L (Low กำลังเหลือ 75%) ซึ่งจะช่วยให้การขี่เปิดคันเร่งนั้นสมูทขึ้น หน่วงขึ้นอีกเล็กน้อยด้วยจากการควบคุมการเปิดของลิ้นปีกผีเสื้อ ช่วยให้ขี่บนถนนที่แออัดง่ายขึ้นอีกหน่อย

ถ้าหากขี่ช้าๆ หรือ ขี่รถติดในเมือง เราจะสัมผัสไอความร้อนของเครื่องยนต์ได้ว่าร้อนพอสมควรเลยทีเดียว

ด้านอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ราว 20.4 กม./ลิตร สำหรับการเดินทาง ซึ่งใช้ความเร็วประมาณ 120 กม./ชม. มีกระแทกคันเร่งบ้างปะปลาย เพื่อเร่งแซง โดยหากคุณเดินคันเร่งเนียนๆ จะมีไฟ ECO โชว์ขึ้น

ระบบกันสะเทือน โช้คอัพหน้า USD ขนาดแกน 43 มม. จาก KYB ปรับ Rebound และ Preload ได้

ด้านหลัง โช้คอัพวางนอน พร้อมกระปุกรีโมทปรับ Preload บิดหมุน H-S ได้เลย ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้ง่ายมาก เมื่อมีการเปลียนแปลงน้ำหนักจากการแบกสัมภาระ หรือมีผู้ซ้อน

ในด้านการของขี่ ผู้เขียนค่อนข้างชอบเลย เพราะสไตล์ของ Versys 1000 นี้ เน้นนุ่มนิ่มนั่งสบายแบบ Touring มากกว่า Adventure การยึดเกาะทำความเร็วนั้นทำได้ระดับหนึ่ง ส่วนหนึ่งมากจากน้ำหนักรถที่มาก แต่เมื่อขี่ที่ความเร็วสูงมาก และยิ่งมาผู้ซ้อนท้ายอาจพบว่ามันดูจะนิ่มไปแล้ว และแฮนด์บาร์หน้า อาจจะดูเบาไปหน่อยเมื่อขี่ด้วยความเร็วสูงซึ่งต้องจับแฮนด์ให้มั่นคงยิ่งขึ้น เพิ่ม ขณะที่โช้คอัพหน้านั้นทำงานได้ดีน่าประทับใจทั้งในด้านการซับแรง และการยุบคืนตัวเมื่อเจอคอสะพานต่างๆ

ระบบเบรก ABS หน้า-หลัง ที่ไม่สามารถปิดได้ จานดิสก์เบรกคู่หน้าขนาด 310 มม. คาลิปเปอร์ 4 สูบ จาก Tokico จานเบรกหลังเดี่ยว 250 มม. คาลิปเปอร์ 1 สูบ Nissin

น่าเสียดายที่ปั๊มหน้าตัวนี้ไม่ใช่ Radial แบบ Ninja 1000 แต่ทว่า การเบรกนั้นก็ถือว่าทำได้ดี และพอเพียงแก่การใช้งาน ตามสไตล์ Adventure ซึ่งมันจะแตกต่างกับ Ninja 1000 ตรงที่ฟีลลิ่งปั๊มเบรกหนักๆ แน่นๆ มอบสไตล์สปอร์ตที่ดูจะให้ความมั่นใจได้มากกว่าเท่านั้นเอง

สรุป
Kawasaki Versys 1000 เป็นรถสไตล์ Adventure Touring ที่เน้นขี่เดินทางไกลบนทางเรียบแบบสบายๆ ไม่เหมาะแก่การไปทาง Adventure สายฝุ่นนัก ในด้านการควบคุมรถ ถือว่ายอดเยี่ยมมาก แม้รถจะมีน้ำหนักมาก แต่เมื่อล้อหมุนแล้วเบาคุมง่าย สมรรถนะเครื่องยนต์ที่แรงดีแต่เชื่องมือ ท่านั่งสไตล์เบาะ และช่วงล่างด้านหลังเน้นนุ่มนิ่ม จนการทำความเร็วสูงอาจดูย้วยไปนิดเพียงเท่านั้น ต้องถือได้ว่ามันเป็นรถคลาส 1000 ที่เน้นทัวริ่งได้ยอดเยี่ยมที่สุดคันหนึ่ง
และที่สำคัญ เป็นตัวพันคันเดียวที่ให้ดอกเบี้ย 0% ด้วยนะ (ดาวน์ 30%) ของราคาเต็ม 6.19 แสนบาท

จุดเด่น
– แรง แต่เชื่องมือ
– แม้น้ำหนักจะเยอะแต่การควบคุมทำได้ง่ายอย่างน่าเหลือเชื่อ
– ระบบกันสะเทือนที่นั่งสบาย เหมาะแก่การเดินทางไกลอย่างแท้จริง

จุดที่อยากให้มีเพิ่มเติม
– บอกตำแหน่งเกียร์
– สามารถปิดระบบ ABS ได้
– เบรกหน้า Radial Mount

ขอขอบคุณ Kawasaki Motoaholic สำหรับรถทดสอบ Kawasaki Versys 1000 ราคา 6.19 แสนบาท
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver 9carthai

KAWASAKI KLR 650 CAMO 2016 “ตระเวนไกล ทะลุชายแดน!!”

KAWASAKI KLR 650 CAMO 2016

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ

ระบบระบายความร้อน : หม้อน้ำ และชุดพัดลมไฟฟ้า

ระบบวาล์ว : กดวาล์วด้วยเพลาลูกเบี้ยวแบบคู่ด้านบนเหนือฝาสูบ DOHC

ขนาดความจุ : 651 ซีซี.

กระบอกสูบ x ระยะชัก : 100 x 83 มม.

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 9.8 : 1

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : คาร์บูเรเตอร์ KEIHIN CVK 40 ขนาดปากคาร์บูเรเตอร์ 40 มม.

ชุดเกียร์ : แบบธรรมดา 5 สปีด

คลัทช์ : แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิงจากก้านคลัทช์บนแฮนด์ฝั่งซ้าย

สตาร์ทเครื่องด้วย :  ระบบไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วย : โซ่และสเตอร์

ถังน้ำมัน : ขนาด 24 ลิตร

ไฟหน้า : คล้าย Ninja 250 มีแผ่นใสบังลมครอบทับด้านหน้าอีกชั้นเผื่อไว้ลุยยาวบนถนนจะได้ไม่ต้องเจอแรงปะทะของลม

ไฟท้าย : แบบ LED

ไฟเลี้ยว : แบบ LED อยู่ทั้งด้านหน้าและหลัง

เฟรม : เหล็กกล้าขึ้นรูปและเชื่อมประกอบด้วยหุ่นยนต์ สีดำ

บังโคลนหน้า : แบบเดียวกับรถสูตรทางฝุ่น กระดกงุ้มลงมากกว่าเพื่อเพิ่มประสิทธิภายการป้องกัน

การ์ดรังผึ้ง : ประจำด้านหน้าหม้อน้ำเพื่อป้องกันการกระเด็นดีดของสิ่งแปลกปลอม

ปีกหน้อน้ำ : หุ้มทับถังอีกชั้นหนึ่ง แบบเดี่ยวกับทางฝุ่นใช้กัน

เบาะ : นั่งปรับใช้ฟองน้ำที่นุ่มลงและหนามากกว่า เอาไว้เดินทางระยะไกล

สวิงอาร์ม : เป็นอะลูมิเนียม สีดำ

องศาการเลี้ยว : 28.0°/4.4 นิ้ว

มิติรถ
– กว้าง / ยาว / สูง : 960 / 2,296 / 1,349 มม.
– ความสูงของเบาะ : 889 มม.
– จากพื้นถึงตัวรถ : 210 มม.
– ระยะฐานล้อ : 1,480 มม.
– น้ำหนักตัวรถ : 194 กก.

ระบบกันสะเทือน
– หน้า ช็อคอับเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. ระยะการทำงานที่ 7.9 นิ้ว
– หลัง ช็อคอับเดี่ยว ระยะการทำงานที่ 7.3 นิ้ว

วงล้อ/ยาง
– ล้อหน้า แบบซี่ลวด ขนาด 90/90-21 นิ้ว ลายดอกทัวริ่งผสมอ๊อฟโรดนิดๆ
– ล้อหลัง แบบซี่ลวด ขนาด 130/80-17 นิ้ว ลายดอกทัวริ่งผสมอ๊อฟโรดนิดๆ

ระบบเบรก
– ด้านหน้า แบบจานเดี่ยวแบบตายตัว ขนาด 254 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ
– ด้านหลัง แบบจานเดี่ยวแบบตายตัว ขนาด 212 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ

บางคนชอบรถเร็วๆ แรงๆ แบบสปอร์ตแต่โดยส่วนตัวของทีมงานแล้ว “ลึกๆ” ชอบรถลุยๆ มากกว่า อย่างกับรุ่น KLR 650 Camo เนี่ย… “แจ่มเลย” จะขี่ไกล้ๆ แบบโดนใช้ไปตลาด หรือท่องตระเวนไกลชนิดทะลุชายแดน มันก็พร้อมไปได้เสมอน่าคิดเหมือนกับว่า รถดีๆ ขี่สนุกๆ แบบนี้…ทำไมตกที่นั่งขายไม่ค่อยดีในบ้านเรา งั้นเดี๋ยวจัดส่งคนไปดูหน่อยซิ…

ขอขอบคุณภาพจาก www.kawasaki.com

KAWASAKI KX 100 “ตั๊กแตนตัวน้อย”

KAWASAKI KX 100

เครื่องยนต์ : 2 จังหวะ สูบเดียว

ระบบระบายความร้อน : ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำอะลูมิเนียม

ขนาดความจุ : 99 ซีซี.

กระบอกสูบ X ระยะชัก : 52.5 X 45.8 มม.

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 10.2:1 (low speed) – 8.7:1 (high speed)

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : คาร์บูเรเตอร์ KEIHIN รุ่น PWK 28 ขนาด 28 มม. เป็นคาบูเรเตอร์แบบ Flat Slide

เกียร์ แบบธรรมดา : 6 สปีด

คลัทช์ : เป็นแบบเปียก สั่งงานด้วยสายสลิง

สตาร์ทเครื่องด้วย :  ระบบไฟฟ้า

ขับเคลื่อนด้วย : โซ่/สเตอร์

สีรถ : ยังคงใช้สีประจำค่าย สีเขียว

ชิ้นงานบอดี้พาร์ท 14 ชิ้น
-การ์ดแกนช็อคอับหน้า
-บังโครนหน้า
-บังโครนหลัง
-แป้นเบอร์ด้าหน้า
-การ์ดรังผึ่ง
-ปีกหม้อน้ำ
-ถังน้ำมัน
-เบาะนั่ง
-แป้นเบอร์ด้านข้าง
-บังโคลนหลัง
-การ์ดคาลิเปอร์หลัง
-ตัวดันโซ่หน้าสเตอร์หลัง

องศาการเลี้ยว : 29°/109.22 มม.

เฟรม : ท่อเหล็กแล้วเชื่อมประกอบเข้าด้วยกัน

สวิงอาร์ม : เป็นอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก

ถังน้ำมัน : 5 ลิตร

น้ำหนัก : 77 กิโลกรัม

กว้าง x ยาว x สูง : 765 / 1,920 / 1,150 มม.

ระยะฐานล้อ : 1,310 มม.

ความสูงจากพื้นถึงเบาะ : 870 มม.

ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ : 330 มม.

วงล้อ / ยาง
– ด้านหน้า เป็นแบบซี่ลวด / ยาง 70/100 – 19 นิ้ว
– ด้านหลัง เป็นแบบซี่ลวด / ยาง90/100 – 16 นิ้ว

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า เทเลสโคปิคหัวกลับ ขนาด 36 มม. ปรับตั้งค่าความกระด้างได้ 20 ระดับ และให้ระยะการทำงาน 275 มม. ผิวแกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม
– ด้านหลัง ช็อคอับหลังแบบเดี่ยว พ่วงด้วยกระปุกซับแท้งค์ สปริงสีเขียว ปรับตั้งการยุบตัวได้ 24 ระดับ และสปีดการคืนตัวอีก 21 ระดับ

ระบบเบรค
– ด้านหน้า จานเบรคแบบตายตัวขนาด 220 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยปั๊มไฮดรอลิคด้านบนแฮนด์ โดยมีสายรับ/ส่งแรงดันที่เป็นสายถักสเตนเลศ
– ด้านหลัง จานเบรคหลังแบบบเดี่ยวตายตัว มาด้วยขนาด 184 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ ใช้ปั้มกระทุ้งบริเวณพักเท้าด้านซ้ายทำหน้าที่สั่งงาน ใช้สายรับ/ส่งแรงดันด้วยสายถักสเตนเลส

โห!… เจอรถงามๆ เมื่อน้ำหนักตัวเองเกือบร้อยกิโลกรัม ไม่รู้จะลดน้ำหนักลงได้อย่างไรเพื่อจะได้ขี่มัน สงสัยต้องตัดขาทิ้งไปสักข้าง ไม่แน่นะครับ อาจจะลดลงไปได้สัก 30 กิโลกรัม “ล้อเล่น…น่ะครับ” ก็เจ้ารถที่เห็นเนี่ยมันดูจะตัวจ้อยเกินไปสำหรับนักขี่ที่เป็นวัยรุ่นระยะสุดท้ายรถคันนั้นก็คือ KX 100 แค่เห็นชื่อบางคนก็ “เบ้ปาก อย่างแรง” เดี๋ยวครับ อย่าเพิ่งเบ้ ประเดี๋ยวจะปากเบี้ยวนะ KX 100 มาด้วยเครื่องยนต์ 2 จังหวะ ไม่ว่าจะเป็นรีดหรือคาร์บูเรเตอร์ “โห โห โห” มาแบบจัดเต็ม มาดูกันเลยดีกว่า

ขอขอบคุณภาพจาก www.kawasaki.com

ใหม่ Kawasaki Ninja 300 ABS 2016-2017 ราคา คาวาซากิ นินจา 300 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

สวัสดีครับ วันนี้ทีมงานขอเสนอ KAWASAKI Ninja 300 ABS 2016 (คาวาซากิ นินจา 300 เอบีเอส) ซึ่งการมาครั้งนี้ยักษ์ใหญ่อย่าง KAWASAKI ก็ได้จัดหนักจัดเต็มกับรุ่นอย่าง Ninja 300 ABS ซึ่งได้รับความนิยมในบ้านเรามากพอสมควร ทั้งในเรื่องของเครื่องยนต์ที่มีการปรับเซ็ทให้ลงตัวมากยิ่งขึ้น ระบบระบายความร้อนเวลาจอดรถ ทางเดินท่อไอเสีย และระบบคลัทช์ ซึ่งที่ได้กล่าวไปนี้เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กๆ ของ Ninja 300 ABS ในปี 2016 เท่านั้นเอง และเทคโนโลยีที่ค่าย KAWASAKI ใส่ลงไปนั้นบอกได้เลยว่า “ไม่แพ้รุ่นใหญ่อย่างแน่นอน”

KAWASAKI NINJA 300  ABS ราคา
ราคา Kawasaki Ninja 300 คาวาซากิ นินจา 300 182,500.

ราคา คาวาซากิ นินจา 300 ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์




-สุดยอดสมรรถนะที่ไร้ที่ติ สุดยอดเทคโนโลยีเครื่องยนต์และโครงตัวถังใหม่ล่าสุดของคาวาซากิที่คัดสรรมาสำหรับรถจักรยานยนต์ในตระกูล Ninja โดย Ninja 300 มีขนาดเครื่องยนต์ 294 cc. แบบสองสูบเรียง มีโครงตัวถังที่มั่นคง และระบบคลัทช์เทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ในสนามแข่ง จึงทำให้รู้สึกถึงความเป็นรถจักรยานยนต์ Super Sport และ ด้วยไฟหน้าที่ดูเฉียบคาและดุดัน ท้ายตัวรถจักรยานยนต์ที่ดูเรียบง่ายแบบมีสไตล์ พร้อมกับลวดลายบนตัวรถที่ลงตัวและอราณีต ทำให้โดดเด่นจากรถยายนต์อื่นๆ ในระบบเดียวกัน และด้วยสมรรถณะของ Nisja 300 จึงทำให้ผู้ขับขี่ สามารถขับขี่ได้อย่างตื่นเต้นเร้าใจ กับรถที่มีสมรรถนะสูง และสะดวกสบายในการขับขี่

-เครื่องยนต์ขนาด 294 cc. พร้อมหัวฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง หัวใจหลักของเครื่องยนต์ Ninja 300 คือ เป็นเครื่องยนต์ขนาด 296 cc. สองสูบเรียง แบบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ถูกออกแบบให้ตอบสนองการใช้งานของผู้ขับขี่ได้อย่างดีเยี่ยมทุกรอบการทำงานของเครื่องยนต์ เนื่องจากเครื่องยนต์มีการหล่อลื่นเสื้อสูบพร้อมกับกระบอกสูบที่เป็นอลูมิเนียมที่ให้มีน้ำหนักเบา นอกจากนี้ยังมีการเคลือบสารอลูไสต์ที่ลูกสูบ และยังมีกการปรับปรุงพัฒนาในอีกหลายๆ ส่วนของเครื่องยนต์ จึงทำให้มัางได้วา คาวาซากิ มีความน่าเชื่อถือ และไว้ใจในการผลิตจักรยนต์เพื่อการขับขี่

– ระบบช่วยการทำงานของคลัทช์ ระบบคลัทช์ประกอบด้วยลูกเบี้ยว 2 ลูก ที่ช่วยให้ระบบคลัทช์ทำงานได้อย่างราบรื่นและนิ่มนวลในทุกรอบการทำงานของเครื่องยนต์ ส่งผลให้ล้อหลังไม่เกิดการลื่นไถลในกรณีที่มีแรงของเครื่องยนต์มากเกินไปในช่วงของการเปลี่ยนเกียร์

– ระบบควบคุมการทำงาน ABS ระบบ ABS ซึ่งมีการพัฒนาและปรับปรุงใหม่ล่าสุดโดย Nissin สำหรับรถรุ่นนี้โดยเฉพาะ และมีขนาดกะทัดรัดจึงสามารถติดตั้งอยู่ภายใต้ถังน้ำมันเชื้อเพลิงได้

1.ความสะดวกและปลอดภัยในการขับขี่
ด้วยเบาะนั่งที่กว้างและเยื้องไปข้างหน้าเล็กน้อย แฮนด์ที่ปรับสูงขึ้น จึงทำให้ Ninja 300 เหมาะกับผู้ขับขี่ทั่วไป ด้วยท่านั่งที่เป็นธรรมชาติสำหรับการขับขี่คนเดียวแบบ sport และแบบที่มีผู้โดยสารทั้งการขับขี่ในเมืองและบนทางยกระดับ

2.ลวดลายบนตัวรถ
ด้วยแนวคิดการออกแบบ “mass-forward, minimalist-tail” ด้วยแฟริ่งขนาดใหญ่จึงทำให้ Ninja 300 ดูใหญ่ และเฉียบคมไฟเลี้ยวหน้าที่มีเอกลักษณ์ ประกอบกับช่วงท้ายตัวรถที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย จึงทำให้ Ninja 300 มีรูปลักษณ์ที่ดู sport

3.ถังน้ำมันเชื้อเพลิง
ถังน้ำมันเชื้อเพลิงสไตล์สปอร์ต โดยส่วนบนมีความกว้างและลาดลงด้านหน้า ทำให้สามารถจุน้ำมันได้ถึง 17 ลิตร เพื่อให้รับกับความจุของเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น

4.ที่บังลม
ด้วยกระบังลมหน้าแบบลอยตัว และมีช่องว่างระหว่างกระบังลมและแฟริ่งหน้า โดยมีน็อตยึดจากขากระจกมองหลัง จึงทำให้ดูสวยงามและผู้ขับขี่มีทัศนวิสัยในการขับขี่ดีขึ้น

5.ไฟหน้า
ด้วยรูปแบบไฟหน้าคู่ที่ดูดุดันและแข็งแรงแบบสปอร์ต แบบ multi-reflector ที่ดูหรูหรา

6.กระจกมองหลัง
กระจกมองหลังถูกออกแบบให้สามารถพับเก็บขณะจอด และปรับเข้าตำแหน่งเดิมขณะใช้งานได้ง่าย

7.หน้าจอมาตรวัด
ถูกออกแบบมาให้ดูล้ำสมัย โดยมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ที่มีขนาดใหญ่สามารถอ่านค่าได้ง่าย จอ LED ที่บอกความเร็ว นาฬิกา เลขไมล์ สัญญาณการขับขี่แบบประหยัด และสัญญาณแสดงระดับอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง

8.ที่พักเท้า
รูปแบบสปอร์ต ทำจากอะลูมิเนียม ง่ายต่อการใช้งาน และรองรับการใช้งานในขณะขับขี่ได้อย่างมั่นใจ

9.ช่องเก็บของ
ช่องเก็บของใต้เบาะมีสองระดับเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งานพร้อมกับที่แขวนหมวกนิรภัยสองข้าง

1.ระบบท่อไอเสีย
ท่อไอเสียแบบ 2-1 ผลิตจากสแตนเลสเพื่อป้องกันการกัดกร่อน และตอบสนองด้านกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ได้ดี และต่อเนื่อง พร้อมกับการออกแบบหม้อพักไอเสียให้มีขนาดที่สั้นลง ทำให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับเลี้ยว และเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ

2.หัวฉีดและลิ้นผีเสื้อแบบคู่
ด้วยหัวฉีดน้ำมันเป็นละอองละเอียดในทุกสภาวะอุณหภมิและความดันอากาศจึงทำให้เครื่องสตาร์ทติดง่าย และด้วยลิ้นผีเสื้อแบบคู่ ที่ช่วยควบคุมการไหลเข้าของอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพจึงทำให้เกิดการเผาไหม้ในเครื่องยนต์ได้อย่างสมบูรณ์และตอบสนองได้ดีในทุกรอบอัตราเร่ง และประหยัดน้ำมันในทุกขณะที่ทำการขับขี่

3.โครงตัวถัง
ด้วยโครงรถที่มีความแข็งแรง ทนทาน และมีความสมดุล ทำให้ผู้ขับขี่มีความสะดวกสบาย และง่ายต่อการควบคุมรถในขณะที่ทำการขับขี่ พร้อมกันนั้นหูยึดเครื่องยนต์ส่วนหน้าออกแบบให้มียางรองเพื่อกันการสั่นสะเทือนจากเครื่องยนต์ ทำให้ขับขี่ได้อย่างนิ่มนวล พร้อมทั้งโครงสร้างหลังที่ถูกออกแบบให้มีลักษณะที่แบบราบ และยกเบาะที่สูงขึ้น ทำให้รถรุ่นนี้สามารถใช้ยางหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น

4.การระบายความร้อน
นวัตกรรมทางเทคโนโลยีของคาวาซากิ ซึ่งติดตั้งชุดฝาครอบพัดลมระบายความร้อนหม้อน้ำไว้ข้างหลังหม้อน้ำ เพื่อระบายความร้อนลงด้านล่างไม่โดนผู้ขับขี่ โดยเฉพาะช่วงรถติดที่ผู้ขับขี่มักได้รับไอความร้อนจากเครื่องยนต์นอกจากนี้ยังทำให้ส่วนอื่นๆ ที่สัมผัสกับตัวผู้ขับขี่ไม่ร้อน

5.ระบบรองรับน้ำหนัก
การทำงานร่วมกับระหว่างเฟรมและโช้คแบบหัวกลับขนาด 37 มม. ช่วยให้สามารถบังคับรถจักรยานยนต์ได้อย่างสำดวกสบายเวลาขับขี่บนถนนในเมืองและรู้สึดมั่นคงในการขับขี่แบบสปอร์ต นอกจาดนี้ด้วยโช้คหลังแบบ Uni-Trak ที่ช่วยให้สามารถขับขีแบบสปอร์ต นอกจากนี้ด้วยโช้คหลังแบบ Uni-Trak ที่ช่วยให้สามารถขับขี่ได้หลากหลายพื้นถนนและระดับความเร็ว ทั้งนี้ยังสามารถปรับระดับโช้คได้ถึง 5 ระดับ

6.สวิงอาร์มม
ทำจากท่อเหล็กทรงเหลี่ยม ให้การเกาะถนนได้อย่างมั่นคง

7.จานดิสก์เบรคลายฉลุ
ด้วยเส้นผ่านศูนย์กลางจานดิสก์เบรคหน้าขนาด 290 มม. และจานดิสก์เบรคหลังขนาด 220 มิลลิเมตร พร้อมด้วยลูกสูบคู่ที่ให้พลังในการเบรคสูง ส่งผลให้ผู้ขับขี่สามารถเบรครถได้อย่างนิ่มนวล

Colors สี KAWASAKI Ninja 300 ABS
KAWASAKI Ninja 300 ABS มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ 1.สีเขียว – ขาว (Lime Green – White) (รุ่นพิเศษครบรอบ 30 ปี)   2.สีเทา – ดำ (Gray – Black)   3.สีแดง – ดำ (Red – Black)

KAWASAKI Ninja 300 ABS สี เขียว – ขาว (Lime Green – White) (รุ่นพิเศษครบรอบ 30 ปี)

KAWASAKI Ninja 300 ABS สี เทา – ดำ (Gray – Black)

KAWASAKI Ninja 300 ABS สี แดง – ดำ (Red – Black)

Specification KAWASAKI Ninja 300 ABS

Kawasaki เปิดรายการแข่งขันสุดมันส์ สร้างนักแข่งประชันความอึดบนสนามสุดโหด

Kawasaki จัดรายการแข่งขันสุดมันส์ให้แก่ผู้ชื่นชอบการขับขี่สไตล์เอ็นดูโร่ โดยการแข่งขันนี้จัดขึ้นเป็นสนามที่ 2 ของปี 2016 และยังคงสร้างกระแสความ โหด มันส์ และอึดของรายการ คงไว้ซึ่งเอกลักษณ์ของรายการแข่งที่ถือได้ว่าคาวาซากินำมาจัดอย่างสนุกสนานและได้รับเสียงตอบรับจากนักแข่งเอ็นดูโร่ได้เป็นอย่างดี

เอ็นดูโร่สนามที่ 2 จัดขึ้นในวันที่ 9-10 กรกฏาคม 2559 ณ อ่างเก็บน้ำมาบประชัน พัทยา พร้อมทั้งยังมีรุ่นใหญ่อย่าง Versys เข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้อีกด้วย และมากกว่าการขับขี่ในรูปแบบการแข่งขันแล้ว คาวาซษกิยังได้จัดให้มีการทดสอบขับขี่ในรูปแบบสนามจริง เพื่อการสัมผัสแรกของรถจักรยานยนต์สไตล์เอ็นดูดร่และ ออฟโร้ด ได้อย่างแท้จริง

สำหรับการแข่งขันในสนามที่ 2 มีผู้เข้าร่วมมากมายและมีรุ่นที่เข้าแข่งขันจำนวนมาก ทำให้สนามในวันนี้คึกคักไปด้วยกองเชียร์และรถสายฝุ่นจำนวนมาก คาวาซากิขอขอบพระคุณผู้สนับสนุนหลักอย่าง YSS, IRC, D.I.D. และหมวกกันน็อค REAL ที่ให้การสนับสนุนรายการในครั้งนี้ และขอขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้สาวกทีมกรีนทุกๆสนาม เราหวังเป็นอย่างยิ่ง สนามต่อไปจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักแข่งและทุกๆท่านด้วยดีเช่นเคย

Kawasaki เปิดตัวโฉม New Kawasaki Z1000 R Edition 2017 

มีข่าวคราวล่าสุดออกมาเกี่ยวค่ายยักใหญ่ Kawasaki ออกมายืนยันว่าจะมีการเปิดตัวเจ้า Kawasaki Z1000 โฉมใหม่ แต่ในโฉมใหม่นี่ จะมีรหัส R เติมท้ายมาด้วย ซึ่งเจ้าตัว New Kawasaki Z1000 R แน่นอนว่าจะลูกเล่นและออปชั่นต้องสูงไปจากรุ่นปกติแน่นอน

โดยการออกแบบเอกลักษณ์ที่ตามแนวคิดของ Sugomi design ทำให้เจ้า Z1000 นั้นถูกพัฒนาข้ามขั้นให้มาเป็น Z1000 R Edition และผ่านมาตรฐานการตรวจเครื่องยนต์ Euro4 เป็นที่เรียบร้อย โดยการออกแบบจะเน้นที่ความโหดดุดันเป็นหลัก ไม่ว่ารถจะเคลื่อนที่หรือจอดอยู่นิ่ง ก็สามารถรับรู้ถึงอารมความดุดันได้

ระบบกันสะเทือนและระบบเบรคทางค่ายก็เลือกคัดสรรเอาระดับที่สูงมาติดตั้งให้เลยทีเดียว เพื่อให้รับกับทุกสภาพการขับขี่ อาทิ เบรก Breambo โฟลตติ้งดิสก์พร้อมขนาด 310 มม. ต่อมาด้วยระบบกันสะเทือนโดยใช้ของ Öhlins S46DR1S พร้อมกระปุกซับแท้งค์ เพื่อให้ตอบสนองและการยึดเกาะในการเข้าโค้งที่ความเร้วสูงๆ โดยที่ช็อคสามารถปรับระยะการยุบตัวได้ที่รีโมท

มาในส่วนของระบบกล่อง ECU ได้มีการตั้งและรีเซ้ตค่าใหม่ โดยจะมีความนุ่นนวนมากยิ่งขึ้นในการส่งพละกำลังของเครื่องยนต์ โดยจะมีไฟแสดง Shift-up light คอยเตือนบอกรอบเกินที่เราควรจะเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์ถัดไป โดยสีพื้นมาตรฐานก็จะมีสี Metallic Spark Black, Golden Blazed Green, Candy Burnt Orange, Flat Ebony.

ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก www.morebikes.co.uk

Kawasaki เปิดตัว 2017 Ninja 3 รุ่น Ninja 650, Ninja 1000 และ ZX-10RR

วันนี้ Kawasaki Motors ประเทศไทยได้จัดงานเปิดตัว 2017 Kawasaki Ninja Series ใหม่ ซึ่งประกอบไปด้วย New โมเดล 3 รุ่น ได้แก่ 2017 Ninja 650, 2017 Ninja 1000 และ 2017 Ninja ZX-10RR

มร.ยาสุชิ คาวาคามิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “คาวาซากิ มีแนวทางในการทำตลาดโดยการส่งผ่านความเชื่อมั่น และความภาคภูมิใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Don’t Blink the Eyes” สะกดทุกสายตาบนท้องถนน กับนวัตกรรมด้านความเร็วแห่งอนาคต ด้วยดีไซน์ที่ทันสมัย โฉบเฉี่ยว พร้อมกับสีสันที่ร่วมสร้างแฟชั่นสำหรับผู้ชื่นชอบการขับขี่อย่างมีสไตล์ เทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ที่ตอบโจทย์ในทุกสมรรถนะด้านความเร็ว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่โดดเด่นของคาวาซากิในตลาดโลก และเรามีความภูมิใจที่จะนำเสนอ “New Kawasaki Ninja 650, Ninja 1000 และ Ninja ZX-10RR” ยานพาหนะแห่งท้องถนนที่จะพาคุณไปสู่ความสนุกสนานของการขับขี่ ให้ทุกท่านได้สัมผัสความสปอร์ตอันเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลนินจาไปพร้อมๆ กันเป็นครั้งแรกในประเทศไทย”

2017 Ninja 650 สีดำ 2.995 แสนบาท และ ลาย KRT 3.065 แสนบาท
อีกระดับของความเร้าใจกับ Ninja 650 ใหม่ ฉีกทุกดีไซน์ด้วยรูปลักษณ์ใหม่ น้ำหนักเบาขึ้น ให้ความโฉบเฉี่ยว ดุดัน เฉกเช่นเดียวกับรถซูเปอร์สปอร์ตสายพันธุ์นินจา น้ำหนักเฟรมที่เบาเพียง 15 กก. และความสูงเบาะนั่งเพียง 790 มม. ให้ความคล่องตัวเป็นเลิศ ทำให้ผู้ขับขี่สนุกไปกับ Ninja 650 ได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งโฉมใหม่นี้มาพร้อมกับชิลด์หน้าดีไซน์สปอร์ตสามารถปรับได้ 3 ระดับ โดยปรับได้สูงสุดถึง 60 มม. ไฟแสดงสถานะรอบเครื่องยนต์ใหม่ โดยเข็มมาตรวัดรอบเครื่องยนต์จะเปลี่ยนสี (จากสีขาวเป็นสีชมพูและเป็นสีแดง) เพื่อแจ้งจังหวะเปลี่ยนเกียร์ขึ้นที่ให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกช่วงในการเปลี่ยนเกียร์ได้เองในส่วนของไฟท้าย LED ลวดลายสปอร์ตรูปตัว “X” ส่องสว่างชัดเจน ปลอดภัยทุกการเดินทาง ท่อไอเสียดีไซน์โฉบเฉี่ยวซ่อนอยู่ใต้เครื่องยนต์สะท้อนภาพลักษณ์สปอร์ตน่าค้นหาให้กับ Ninja 650 ในส่วนของสีที่นำมาจำหน่าย คือ สีเขียว/ดำด้าน Lime Green / Ebony (KRT Edition) และสีดำ Metallic Spark Black

2017 Ninja 1000 6.64 แสนบาท
การปรับโฉมครั้งยิ่งใหญ่ของสายพันธุ์นินจาที่มอบความสะดวกสบายของการขับขี่สไตล์สปอร์ตได้อย่างน่าสนใจและแฝงไปด้วยมนต์เสน่ห์ของรถทัวร์ริ่ง เติมเต็มพละกำลังขับเคลื่อนและความสุขุมในการควบคุมรถถึงขีดสุด พกพาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เทคโนโลยีขั้นสูงเฉกเช่นเดียวกับ Ninja ZX-10RR เช่น ระบบ KCMF ฟังก์ชั่นช่วยควบคุมการเข้าโค้งตั้งแต่เริ่มเข้าโค้งจนกระทั่งออกจากโค้งอย่างราบรื่นตลอดกระบวนการ รวมถึง KTRC ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี การยกล้อหน้าและการลื่นไถล ครอบคลุมสภาวะการขับขี่ที่หลากหลาย ช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่แบบสปอร์ตหรือช่วยให้พารถข้ามผ่านพื้นผิวถนนที่มีสภาพเปียกลื่นได้อย่างมั่นใจ และ KIBS การควบคุมระยะก้มเงยและการเบรกในโค้งอย่างแม่นยำในระดับซูเปอร์สปอร์ตของคาวาซากิ ในส่วนของเบาะนั่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อมอบความสบายรองรับสรีระผู้ขับขี่ได้ดีขึ้น และช่วยลดอาการเมื่อยล้าเมื่อต้องขับขี่ระยะทางไกล ชิ้นส่วนประกอบสไตล์ซูเปอร์สปอร์ตหลายชิ้นถูกเลือกใช้เพื่อให้ Ninja 1000 มีสมรรถนะสูงขึ้น เพิ่มความโดดเด่นด้วยสีเขียว-เทา Candy Lime Green/Metallic Carbon Gray จึงทำให้โมเดลนี้คือยานพาหนะที่มอบความสุขให้แก่นักขับขี่อย่างแท้จริง

Ninja ZX-10RR 7.85 แสนบาท
ที่สุดของรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต Ninja ZX-10RR “Fastest On The Track” ถูกผลิตมาทั่วโลกเพียง 1,000 คันเท่านั้น ดีไซน์พิเศษปราศจากเบาะและที่พักเท้าผู้โดยสารเพื่อทำให้โมเดลนี้มีความเป็นซูเปอร์สปอร์ตเฉกเช่นรถในสนามแข่งขัน ช่วงล่างได้รับการปรับตั้งเป็นพิเศษพร้อมยาง Pirelli Diablo Supercorsa SP ซึ่งเป็นยางสมรรถนะสูงที่ช่วยส่งให้รถทำความเร็วต่อรอบได้เร็วขึ้นอีกทั้งยังเพิ่มระบบ KQS ที่ช่วยให้สามารถเปลี่ยนเกียร์ขึ้นและลงได้โดยไม่ต้องใช้คลัทช์ เร้าใจกับสมรรถนะเต็มพิกัดเหมือนอยู่ในสนามแข่ง Ninja ZX-10RR มาพร้อมกับล้ออะลูมิเนียม 7 ก้านที่ทางคาวาซากิพัฒนาร่วมกับ Marchesini การควบคุมรถจึงทำได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเปลี่ยนทิศทางของรถและจากผลการทดสอบ ณ สนามทดสอบออโต้โพลิส (Autopolis Circuit) Ninja ZX-10RR สามารถทำความเร็วได้ดีขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานถึง 1- 2 วินาที ตอกย้ำความเป็นซูเปอร์สปอร์ตสายพันธุ์นินจาตัวจริง อีกทั้งยังเพิ่มความดุดัน แข็งแกร่ง ด้วยโฉมสีดำด้าน Flat Ebony (KRT Winter Test Edition) สะกดทุกสายตา ตามแบบฉบับของตระกูล Ninja อย่างแท้จริง

ในวันนี้ Kawasaki ได้เปิดตัว 2017 Ninja Series ซึ่ง มีอีก 2 โมเดลที่เปิดตัวลายใหม่ ได้แก่ 2017 Ninja 300 Winter Test และ 2017 Ninja H2

2017 Kawasaki Ninja 300 Winter Test นั้น เป็นลายการทดสอบในช่วงฤดูหนาว แบบเดียวกับรุ่นพี่ ทั้ง ZX-10R Winter Test โดยเปิดราคาที่ 1.97 แสนบาท
ซึ่งมีรายละเอียดเพิ่มให้ คือ ติดตั้งกันล้ม, วินชิลด์หน้า Smoke, และเบาะตูดมด

ขณะที่ 2017 Ninja H2 ใหม่ นั้น ได้มีการปรับลากราฟฟิคเล็กน้อย โดยมีการพาดขอบสติกเกอร์สีเขียว ที่แฟริ่งหน้า Wing แฟริ่งหน้า และเบาะตูดมดด้านท้าย

Kawasaki เปิดตัวรถจักรยานยนต์สายพันธุ์สปอร์ต 3 โมเดลล่าสุด

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำแห่งเทคโนโลยีรถจักรยานยนต์ สร้างปรากฏการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยการเปิดตัว “New Kawasaki Ninja 650, Ninja 1000 และ Ninja ZX-10RR” กับดีไซน์โฉมใหม่ให้ความเป็นซูเปอร์สปอร์ต สมรรถนะเป็นเยี่ยมความคล่องตัวเป็นเลิศตามแบบฉบับรถซูเปอร์สปอร์ตตระกูล Ninja โดยมี มร.มิทสึฮิโกะ โอคาดะ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด (ที่ 5 จากซ้าย) ร่วมเปิดตัว ณ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด กรุงเทพฯ เมื่อเร็วๆ นี้

Kawasaki เปิดตัวสายพันธุ์แกร่ง ตระกูล 2017 Z Series 3 รุ่น ราคาเคาะ 4 – 6.91 แสนบาท

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ Big bike ชั้นนำของประเทศไทย เปิดตัวรถจักรยานยนต์ซูเปอร์เน็คเก็ตรุ่นใหม่ล่าสุดเพื่อชิงส่วนแบ่งทางการตลาดของรถในรุ่น 600 ซีซี ขึ้นไป ด้วยคุณภาพและเทคโนโลยีจากคาวาซากิเอกลักษณ์ของรถจักรยานยนต์สายพันธุ์แกร่งจากประเทศญี่ปุ่น ทำให้คาวาซากิผลิตรถที่ดีที่สุดเพื่อมอบให้กับนักขับขี่ที่ต้องการผลิตภัณฑ์ชั้นเยี่ยมจากคาวาซากิ โดยรุ่นที่นำเสนอถือเป็นรุ่นที่เปิดตำนานความเป็นคาวาซากิจากอดีตสู่ปัจจุบัน นั่นคือ Z650 รถซูเปอร์เน็คเก็ตสไตล์สปอร์ตขนาดกลาง น้ำหนักเบา ตอบรับการขับขี่ด้วยความรู้สึกสนุกสนานทุกเส้นทาง ตอบรับทุกฟังก์ชั่นบนท้องถนน ไฮไลท์อีกรุ่นคือ Z900 ซูเปอร์เน็คเก็ตที่สุดของรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่เบาและแรง ด้วยคุณสมบัติพิเศษจากการออกแบบตัวรถเพื่อการขับขี่อย่างเต็มสมรรถนะและมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งการเปิดตัว Z1000 (HG) ที่สุดของรถซูเปอร์เน็คเก็ตเครื่องยนต์ 1000 ซีซี ให้การตอบสนองเป็นเยี่ยม พละกำลังเต็มอัตรา ดีไซน์โฉบเฉี่ยวตามแบบฉบับ SUGOMI สมกับเป็นตัวท็อปแห่งตระกูล Z โดยแท้จริง

คุณกฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาดเปิดเผยว่า “ปัจจุบัน เรามองเห็นถึงนักขับขี่หน้าใหม่เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก นั่นแสดงให้เห็นถึงความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นในตลาดเมืองไทย เราจึงมุ่งเน้นการขับขี่เพื่อสร้างความความปลอดภัย มีการควบคุมที่เป็นเยี่ยม และการออกแบบที่รับกับสรีระของคนไทย เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและความมั่นใจในการขับขี่ เหนือสิ่งอื่นใดคาวาซากิยังมุ่งเน้นการบริการที่มีคุณภาพ การขยายศูนย์บริการที่มากขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มเป้าหมายที่กำลังขยายเพิ่มในแต่ละภูมิภาค และในวันนี้กระผมมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มอบผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดตระกูล Z พร้อมกันถึง 3 รุ่น นั่นคือ Z650 Z900 และ Z1000 (HG) รถจักรยานยนต์ซูเปอร์เน็คเก็ตเพื่อการขับขี่อย่างมีสไตล์ คุณสมบัติพิเศษของโครงสร้างที่ทำให้รถมีน้ำหนักเบา ตัวรถและการควบคุมได้รับการออกแบบเพื่อทุกสรีระของนักขับขี่ภายใต้มาตราฐานของคาวาซากิ สำหรับรถจักรยานยนต์ตระกูล Z ที่นำมาจัดแสดงนั้น มีตั้งแต่ขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่ที่ให้พละกำลังและอัตราเร่งเต็มพิกัด การนำรถมาจัดแสดงทั้งหมดนี้เพื่อบ่งบอกถึงความเป็นตระกูลต้นแบบที่ทำให้เกิด Z จนมาถึงปัจจุบัน และโมเดลล่าสุดที่ถูกนำมาจัดแสดง ก็เพื่อตอกย้ำความสำเร็จและการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้งของคาวาซากินั่นเอง”

Z650 ซูเปอร์เน็คเก็ตน้องใหม่จากคาวาซากิตระกูล Z เครื่องยนต์สองสูบเรียงขนาด 649 ซีซี ให้แรงบิดหนักหน่วงตั้งแต่รอบต่ำถึงกลางตัวถังดีไซน์ใหม่น้ำหนักเบา รูปทรงปราดเปรียวกะทัดรัดลงตัวกับซูเปอร์เน็คเก็ตขนาดกลางคันนี้ Z650 ใหม่ให้การขับขี่ที่คล่องตัวตอบสนองอัตราเร่งได้ดี ควบคุมและส่งถ่ายกำลังได้ดั่งใจเป็นมิตรกับผู้ขับขี่ ตอบโจทย์ทุกการใช้งานไม่ว่าจะเป็นสมรรถนะสปอร์ตเต็มขั้นและการเดินทางในชีวิตประจำวัน เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ทุกคนตั้งแต่ผู้เริ่มต้นไปจนถึงผู้ที่มีทักษะและประสบการณ์สูง สีที่มีจำหน่ายในประเทศไทยคือ สีขาว และ สีเขียว ที่เป็นเอกลักษณ์ของคาวาซากินั่นเอง ราคา 2.83 แสนบาท

Z900 รูปลักษณ์สะกดสายตาชวนให้ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น Z900 ถูกออกแบบให้โฉบเฉี่ยว ดุดัน ตามแบบฉบับ Z โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก SUGOMI ตามการออกแบบของ Z1000 ซึ่งวางเส้นสายตัวรถไว้อย่างสง่างามตั้งแต่หน้ารถไปจนถึงท้ายรถและเน้นส่วนของเครื่องยนต์โดยใช้แฟริ่งปกปิดให้น้อยที่สุด เพื่อดึงดูดความสนใจไปที่ความงดงามของดีไซน์ที่ตอบโจทย์ฟังก์ชั่นการใช้งานได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ตัวรถยังให้ความสำคัญกับรูปลักษณ์ที่อัดแน่นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแต่ปราดเปรียว น้ำหนักเบา ความคล่องตัวสูงเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงสมรรถนะสปอร์ตเต็มพิกัด นอกเหนือจาก Z900 รุ่นมาตรฐานแล้ว คาวาซากิยังมีรุ่นพิเศษที่มีลวดลายกราฟิกและสีพิเศษมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมที่ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นพิเศษโดยเฉพาะ สำหรับสีที่จำหน่ายคือ สีเทา สีดำ ราคา 3.99 แสนบาท และสีน้ำเงิน (รุ่นพิเศษ) 4.29 แสนบาท

Z1000R อักษรย่อ ที่สุดของความมีระดับกับรถจักรยานยนต์ตระกูล Z ที่ถูกออกแบบอย่างปราณีตพร้อมกับภาพลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว ด้วยการพัฒนาระบบเครื่องยนต์ให้ราบรื่นพร้อมทะยานสู่ท้องถนนได้อย่างสมบูรณ์แบบ บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ขอขอบพระคุณทุกท่านที่สนับสนุนเพื่อการขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จทั้งในด้านผลิตภัณฑ์และด้านการบริการ ซึ่งในปัจจุบันคาวาซากิได้ขยายศูนย์บริการขึ้นจำนวนมากทั่วประเทศ และได้ปรับเปลี่ยนส่วนการบริการเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้สอดคล้องกับการขับขี่ที่สนุกสนานและการบริการอย่างมีคุณภาพ พร้อมทั้งการก้าวสู่ปีที่ 120 ของคาวาซากิในด้านอุตสาหกรรม ตลอดจนในปี 2017 เราจะได้พบกับความยิ่งใหญ่ในวงการรถจักรยานยนต์จากคาวาซากิอย่างแน่นอน
ราคา 6.91 แสนบาท

Kawasaki Versys-X 300 และ W800 พร้อมรถทุกโมเดลปี 2017 เอาใจ Biker ทุกสายงาน Motor Expo 2016

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ชั้นนำของโลก เปิดมอบประสบการณ์สุดพิเศษให้แก่นักขับขี่และผู้สนใจรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ ด้วยการจัดแสดงโมเดลใหม่ล่าสุดของปี 2017 โดยไฮไลท์ภายในงานอยู่ที่รถตะกูล Ninja สุดยอดโมเดลสายพันธุ์แชมป์ Ninja ZX-10RR, Ninja 1000 ABS และ Ninja 650 ABS ทั้งนี้ยังคงนำรุ่นยอดนิยมของตระกูล Z ที่เพิ่งถูกเปิดตัวไปไม่นานมาจัดแสดง อาทิ Z1000R, Z900 ABS และ Z650 ABS มาจัดแสดงพร้อมรับจองภายในงานอีกด้วย คาวาซากิยังได้มอบความสุขทุกรูปแบบการขับขี่ให้แก่ผู้เข้าชมด้วยการเปิดจำหน่ายสุดยอดรถคลาสสิคระดับตำนาน W800 พร้อมจำหน่ายให้สาวกเรทโทรภายในงานเป็นครั้งแรก และที่สุดของการท่องเที่ยวคุณจะพบกับ Versys X 300 รถทัวร์ริ่งขนาด 300 ซีซี มาพร้อมอุปกรณ์ครบครันและเฉดสีให้เลือกสรร ทั้งหมดนี้ท่านสามารถเข้าชมได้ภายในงาน Motor Expo 2016 ตั้งแต่วันนี้ – 12 ธันวาคม 2559 หรือ สอบถามตัวแทนจำหน่ายคาวาซากิได้ทั่วประเทศ

คุณ กฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “คาวาซากิมีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มอบความสุขให้แก่นักขับขี่ โดยในปี 2017 เราได้นำรถใหม่ทั้งหมดมาจัดแสดงเพื่อให้เห็นถึงศักยภาพของความพร้อมและการพัฒนาเทคโนโลยีอันคำนึงถึงความรู้สึกผู้ขับขี่เป็นหัวใจสำคัญ อีกทั้งภายในงานยังได้เปิดตัวรถใหม่อีก 2 รุ่นพร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็น W800 และ Versys X 300 อีกระดับของการขับขี่ที่คาวาซากิได้มอบให้แก่ทุกท่าน พร้อมกันนี้ยังได้จัดแสดงคอลเลคชั่นใหม่ล่าสุดของแฟชั่นเพื่อมอบให้กับนักขับขี่ได้เลือกสรร ตามสไตล์ของรถที่ชื่นชอบ และยังนำเสนอโปรโมชั่นพิเศษที่จะทำให้สาวกคาวาซากิได้เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ระดับโลกในราคาที่สามารถจับต้องได้นั่นเอง”

ภายในงานแห่งนี้คาวาซากิได้จัดนำรถจักรยานยนต์มาแสดงมากกว่า 20 รุ่น ซึ่งเป็นรถในปี 2017 ทั้งสิ้น โดยรุ่นที่นำมาจัดแสดงพร้อมกับมีการเปิดตัวภายในงานนี้เป็นครั้งแรก นั่นคือ W800 รถจักรยานยนต์สไตล์วินเทจระดับตำนานที่วางเครื่องยนต์ได้อย่างสวยงามและคลาสสิกด้วยเอกลักษณ์ของตระกูล W ซึ่งแน่นอนว่าบรรดานักขับขี่ต้องไม่พลาดกับรุ่นนี้อย่างแน่นอน สำหรับรุ่นต่อไปที่ทำการเปิดตัวภายในงานอีกรุ่นคือ Versys X 300 ที่สุดของสายพันธุ์นักเดินทางกับการเปิดตัวรถสไตล์ทัวร์ริ่งขนาด 300 ซีซี ซึ่งให้น้ำหนักเบา คล่องตัว ถอดแบบจากรุ่นใหญ่อย่าง Versys 1000 และ Versys 650 ABS พร้อมตอบรับเส้นทางการท่องเที่ยวในประเทศไทยได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ไม่เพียงเท่านี้คาวาซากิยังได้จัดนำรถจักรยานยนต์รุ่นอื่นๆ ที่ได้รับความนิยมและเป็นรุ่นใหม่ล่าสุดมาจัดแสดงไม่ว่าจะเป็น Ninja ZX-10RR, Ninja 1000 ABS, Ninja 650 ABS, Z650 ABS, Z900 ABS และ Z1000R ทั้งหมดนี้ถือเป็นรถที่คาวาซากิเพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นานและได้นำมาจัดแสดงภายใน Motor Expo 2016 เป็นครั้งแรกแบบยกเซ็ต ถือเป็นการนำรถปี 2017 ทั้งหมดที่คาวาซากิพร้อมเปิดตัวมาอวดโฉมให้สาวกสายสีเขียวได้เลือกสรรผลิตภัณฑ์พร้อมกับรับสิทธิพิเศษมากมายภายในงานแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำสุด, ประกันชั้น 1 ฟรี 1ปี พร้อม พรบ. ฟรี (เฉพาะรุ่นที่ร่วมรายการ) พร้อมกับสินค้าร่วมโปรโมชั่นที่มอบให้แก่ลูกค้าคาวาซากิ ทั้งนี้ขอเชิญชวนทุกท่านเข้าร่วมชมและสัมผัสรถจักรยานยนต์คาวาซากิได้ที่งาน Motor Expo 2016 ณ อิมแพค เมืองทองธานี ชาเลนเจอร์ 1 บูธG02 ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคม 2559

Kawasaki W800 มากับ 2 สี 2 ราคาให้เลือก
สี Blue 376,000 บาท
สี Black (Special Edition) 395,000 บาท

Kawasaki Versys-X 300 City version ราคา 198,000 บาท มีสีเดียว คือ 
สีเขียว / เทา(Candy Lime Green / Metallic Graphite Gray)

KAWASAKI KLX 140 G 2017 “ร่างสุดท้ายจากยักษ์เขียว”

KAWASAKI KLX 140 G 2017

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 1 ลูกสูบ SOHC

ระบบระบายความร้อน : ด้วยอากาศ

ขนาดความจุ : 144 ซีซี.

กระบอกสูบ X ระยะชัก : 58 X 54.4 มม.

กำลังอัดเครื่องยนต์ :  9.5:1

จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : ด้วยคาร์บูเรเตอร์ KEIHIN รุ่น PB 20 ขนาด 20 มม.

เกียร์ : แบบธรรมดา 5 สปีด

ขับเคลื่อนด้วย : โซ่/สเตอร์

สตาร์ทเครื่องด้วย : ระบบไฟฟ้า

เฟรม : โลหะขึ้นรูแแล้วเชื่อมประกบ

สวิงอาร์ม : เป็นอะลูมิเนียม

คลัทช์ : เป็นแบบเปียก สั่งงานด้วยสายสลิง

ท่อไอเสีย : 1-1

มิติรถ กว้าง/ยาว/สูง
– 790/2,005/1,135 มม.
– ความสูงจากพื้นถึงตัวรถ 315 มม.
– ความจุถังน้ำมัน 5.8 ลิตร
– น้ำหนักตัวรถ 99 กิโลกรัมเท่านั้น

ชิ้นงานบอดี้พาร์ท 13 ชิ้น
– ปลอกยางป้องกันแกนช็อคอับหน้า
– บังโคลนหน้า
– แป้นเบอร์ด้านหน้า/ข้าง
– ถังน้ำมันเชื้อเพลิง
– ปีกคลุมถังน้ำมัน
– เบาะนั่ง
– ชุดยึดข้างเบาะขวาและซ้าย
– ตัวดันโซ่หน้าสเตอร์หลัง
– ครีบบังโซ่

ยาง ดอกยางลักษณะหนาม / วงล้อเป็นแบบซี่ลวดกระทะล้อใช้วัสดุอะลูมิเนียม
– หน้าขนาด 21 นิ้ว ยาง 2.75-21 นิ้ว
– หลังขนาด 18 นิ้ว ยาง 4.10-18 นิ้ว

ระบบกันสะเทือน
– ด้านหน้า เทเลสโคปิค ผิวแกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยม ใส่ปลอกยางหุ้มทับไว้ ปรับตั้งไม่ได้
– ด้านหลัง ช็อคอับเดี่ยวปรับขนาดความแข็งของสปริงได้

ระบบเบรก
– ด้านหน้า จานเบรกหน้าเป็นเดี่ยวแบบตายตัวขนาดขนาดจาน 220 มม. คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ สั่งงานด้วยไฮดรอลิค
– ด้านหลัง ก็เป็นแบบตายตัวขนาด ขนาด 190 มม. คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ

ไม่มีอะไรมากครับ เพราะนี่คือการขยายร่างครั้งสุดท้ายของ KLX 140 ให้ใหญ่ที่สุดแล้ว เพื่อจะได้รองรับกับนักขี่ไซส์ใหญ่ ซึ่งคำว่า “ไซส์ใหญ่” ในที่นี้ไม่ใช่ “รอบเอว” แต่เป็นความสูงครับ รุ่นนี้ไม่มีขายในประเทศไทย แต่จะเป็น KLX 150 แทน

ขอขอบคุณภาพจาก www.kawasaki.com

ใหม่ KAWASAKI NINJA ZX-14R ABS 2017-2018 ราคา คาวาซากิ นินจา ZX-14R ABS ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

ครั้งนี้เราของนำเสนอนินจายักษ์ใหญ่แห่งค่ายตั๊กแตนเขียวอย่าง KAWASAKI Ninja ZX-14R ABS คำว่านินจาในวงการรถมอเตอร์ไซค์ 2 ล้อนั้น ในตอนนี้ซึ่งมีเยอะพอดู แต่!! เดี๋ยวก่อน ผมจะบอกว่า นี้คือ “รุ่นใหญ่” ในตระกูลนินจาเลยทีเดียว หลายคนมองว่าทำไมดูอ้วนและใหญ่ขนาดนี้ ผมบอกได้เลยครับว่า ถ้าได้สัมผัสตัวจริงแล้วควบคุมได้ง่ายพอดูเลยครับ แต่ตอนจอดรถต้องระวังหน่อย!! เพราะน้ำหนักที่มากับรถถึง 268 กก. ขาผู้ขับขี่แค่ข้างเดียวอาจเอารถไม่อยู่ ถามว่าน้ำหนักมีผลต่อการควบคุมไหม บอกได้เลยครับว่ามีแน่นอนเพราะเวลาทำความเร็วสูงๆ นั้น ต้องเจอกับแรงลมที่เข้าปะทะทั้งตัวผู้ขับขี่เองและตัวรถ น้ำหนักทีหนักนั้นจะกดรถให้อยู่กะที่ไม่กระชากตามแรงลม และพอได้ความเร็วที่คงที่แล้วตัวรถจะเบาง่ายต่อการควบคุมเลยครับ

ราคา KAWASAKI NINJA ZX-14R ABS คาวาซากิ นินจา ZX-14R ABS 895,000.

คาวาซากิ นินจา ZX-14R ABS ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

Colors สี KAWASAKI Ninja ZX-14R ABS 2016
KAWASAKI Ninja ZX-14R ABS 2016 มีให้เลือก 2 สี ได้แก่ 1.Golden Blazed Green / Metallic Spark Black (High Grade) NEW COLOR 2.Candy Lime Green / Metallic Spark Black

KAWASAKI Ninja ZX-14R ABS 2016 สี Golden Blazed Green / Metallic Spark Black (High Grade) NEW COLOR

KAWASAKI Ninja ZX-14R ABS 2016 สี Candy Lime Green / Metallic Spark Black

Specification KAWASAKI Ninja ZX-14R ABS 2016

ชมรายละเอียดโปรโมชั่น Kawasaki จัดทัพ บุกงาน BMF2017

บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดแสดงรถจักรยานยนต์สุดหรูภายในงาน “แบงค์ค็อก มอเตอร์ไบค์ เฟสติวัล 2017″ (Bangkok Motorbike Festival 2017) ภายใต้คอนเซปต์เท่ ๆ “Spirit of Ride” ที่จะพาคุณย้อนไปสู่รากเหง้าและจิตวิญญาณแห่งการขับขี่ โดยภายในงานคาวาซากิจัดรถจักรยานยนต์ตระกูลใหญ่เต็มพิกัดด้วยความแรงมาจัดแสดง เพื่อเอาใจผู้ชื่นชอบรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะและพิเศษกับกิจกรรมการประกวด Kawasaki Thailand Discovery ซึ่งจะจัดให้มีการประกาศผู้ชนะเลิศภายในงานพร้อมรับของรางวัลจากผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการ ทั้งหมดนี้ท่านสามารถเข้าชมได้ที่ ชั้น 1 บูธ A1 – A2 โซนอีเดน (Eden) ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ระหว่างวันที่ 1-5 ก.พ. 2560

คุณ กฤษณะ ภาคีแพทย์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขายและการตลาด บริษัท คาวาซากิ มอเตอร์ เอ็นเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “คาวาซากิ มีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้มอบรถจักรยานยนต์คุณภาพเยี่ยมให้แก่ผู้ชื่นชอบ โดยภายในงานครั้งนี้คาวาซากิจัดแบ่งโซนแสดงรถ 4 โซนด้วยกัน คือ Refine Raw, Ninja Zone, Touring และ Classic Zone พร้อมกับรถที่นำมาจัดแสดงสีใหม่ล่าสุดภายในงานเป็นครั้งแรก และไม่เพียงการแสดงรถเท่านั้น คาวาซากิยังเนรมิตบูธให้กลายเป็นเวทีประกาศผลรางวัลผู้ชนะเลิศ Kawasaki Thailand Discovery และเผยโฉมหน้าผู้พิชิตเส้นทางการขับขี่ท่องเที่ยวด้วยรถคาวาซากิในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เวลา 16.30 น. ถือเป็นกิจกรรมที่สร้างความน่าสนใจให้นักขับขี่และยังกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวให้แก่ชุมชนได้เป็นอย่างดี รวมไปถึงการจัดพิธีมอบรถจักรยานยนต์ Z125 ให้แก่ผู้โชคดีที่ใช้ผลิตภัณฑ์คาวาซากิร่วมกับ Total Elf ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ เวลา 16.30 น.สุดท้ายนี้คาวาซากิหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่เราได้สรรสร้างจากความตั้งใจ ความปราณีต จะถ่ายทอดส่งถึงท่านด้วยความประทับใจเฉกเช่นนี้ตลอดไป”

สำหรับรถจักรยานยนต์ที่ถูกนำมาจัดแสดงนั้นมี ดังนี้ Z Zone โดยใช้คอนเซปต์ Refine Raw ประกอบไปด้วย Z300 ABS, Z650 ABS, Z900 ABS และ Z1000 R สำหรับ Ninja Zone ประกอบไปด้วย Ninja 300 KRT, Ninja 650 และ Ninja ZX-10RR ส่วนรถสายพันธ์ทัวริ่งเราก็ไม่พลาดที่จะนำมาแสดง โดยไฮไลท์อยู่ที่ Versys-X300 และ ตระกูลสุดท้าย Classic Zone ด้วยการแสดงโชว์ของ W800 ความสวยงามที่มาพร้อมเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่ใครหลายๆ คนใฝ่ฝัน และ Vulcan S ความลงตัวของนักขับขี่สายคลาสสิค ทั้งหมดนี้จะมาพร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษที่มอบให้แก่ลูกค้าคาวาซากิภายในงานไม่ว่าจะเป็นประกันชั้น 1 ฟรี 1 ปี หรือไฮไลท์พิเศษสำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง Z650 แถมฟรี Spirit Air Mesh Jacket และ ถุงมือ Mesh Protection Grove (เมื่อเลือกซื้อในแพ็คเก็ต A) นอกจากนี้ยังมีโปรโมชั่นอื่นๆ อีกมากมายให้ลูกค้าได้เลือกรับภายในงาน ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ บูธคาวาซากิ A1 – A2 โซนอีเดน (Eden) ระหว่างวันที่ 1-5 ก.พ. 2560 สำหรับท่านที่สนใจติดตามข่าวได้ที่ www.kawasaki.co.th และwww.facebook.com/KawasakiMotorsThailand

โปรโมชั่นพิเศษภายในงาน Bangkok Motor Bike Festival 2017

โปรโมชั่น รุ่น 300 ซีซี มีรายละเอียด ดังนี้
เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Z 300 ABS ( 2015-2017 ), NINJA 300 KRT Edition ( 2016 – 2017 ), NINJA 300 KRT Winter Test ( 2017 ) ) สามารถเลือกรับโปรโมชั่น Package A และ Package B อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

Package A – โปรสุดคุ้มเลือกรับคูปองส่วนลด
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
2. Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท
3. รับประกันคุณภาพ 3 ปี

Package B – โปรสุดเจ๋ง เลือกรับสินค้าของแถมจากคาวาซากิ
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
2. หมวกกันน็อค Shark + ถุงมือ (Mesh protection grove) รวมมูลค่า 9,783 บาท
3. รับประกันคุณภาพ 3 ปี
*สินค้ายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Ninja 300 ABS ( 2015 – 2017 ) สามารถเลือกรับโปรโมชั่น Package A และ Package B อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้

Package A – โปรสุดคุ้มเลือกรับคูปองส่วนลด
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
2. Gift Voucher มูลค่า 10,000 บาท
3. ฟรี ทะเบียน/พรบ. 1 ปี
4. รับประกันคุณภาพ 3 ปี

Package B – โปรสุดเจ๋ง เลือกรับสินค้าของแถมจากคาวาซากิ
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
2. หมวกกันน็อค Shark + ถุงมือ (Mesh protection grove) รวมมูลค่า 9,783 บาท
3. ฟรี ทะเบียน/พรบ. 1 ปี
4. รับประกันคุณภาพ 3 ปี
*สินค้ายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

โปรโมชั่น รุ่น 650 – 900 มีรายละเอียด ดังนี้

เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Vulcan S ABS ( 2015 – 2016 ), Vulcan Café ( 2017 ) รับโปรโมชั่นพิเศษจากคาวาซากิ ดังนี้
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
2. Gift Voucher มูลค่า 15,000 บาท
3. ดอกเบี้ยพิเศษ ต่ำสุด เริ่มต้นที่ 1.99% นาน 48 เดือน (ดาวน์ 30% )
4. ฟรี ทะเบียน/พรบ. 1 ปี
5. ฟรี หมวกกันน็อค Shark มูลค่า 6,600 บาท
6. รับประกันคุณภาพ 3 ปี

เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Z 650 ( 2017 ), Ninja 650 ABS ( 2017 ), Ninja 650 ABS KRT ( 2017 ) สามารถเลือกรับโปรโมชั่น Package A และ Package B อย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนี้
Package A – โปรสุดคุ้มเลือกรับคูปองส่วนลด
3.1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
3.2. Gift Voucher มูลค่า 7,000 บาท
Package B – โปรสุดเจ๋ง เลือกรับสินค้าของแถมจากคาวาซากิ
3.1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
3.2. เสื้อแจ็คเก็ตการ์ด (Spirit air mesh jacket) + ถุงมือ (Mesh protection grove) รวมมูลค่า 7,083 บาท
*สินค้ายังไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม

เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Z 900 STD ( 2017 ), Z 900 Special edition ( 2017 ) รับโปรโมชั่นพิเศษจากคาวาซากิ ดังนี้
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
โปรโมชั่น รุ่น รถนำเข้า มีรายละเอียด ดังนี้
เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Z 1000R ( 2017 ) รับโปรโมชั่นพิเศษจากคาวาซากิ ดังนี้
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
2. Gift Voucher มูลค่า 20,000 บาท
3. ดอกเบี้ยพิเศษ ต่ำสุด เริ่มต้นที่ 0% นาน 48 เดือน (ดาวน์ 20 – 30%)
4. ฟรี ทะเบียน/พรบ. 1 ปี

เมื่อซื้อรถจักรยานยนต์ Ninja 1000 ABS ( 2017 ) รับโปรโมชั่นพิเศษจากคาวาซากิ ดังนี้
1. ประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี
2. Gift Voucher มูลค่า 30,000 บาท

สำหรับราคารถ ภายในงาน BMF2017 โมเดลปี 2017 มีดังนี้
No. Model MY Color Price
1. Z125 Pro 17 BLUE 77,990
2. Ninja 250SL ABS 17 KRT 137,500
3. Ninja 250SL ABS 17 GRY 125,500
4. Z250SL ABS 17 GRY 122,500
5. Z250SL ABS 17 RED 122,500
6. Z300 ABS 17 GRN 175,000
7. Z300 ABS 17 RED 175,000
8. Vulcan S Café’ 17 WHI 311,000
9. Versys 650 17 BLK 326,000
10. Versys 650 17 GRN 328,000
11. Z1000 17 BLK 612,000

รีวิว 2017 Kawasaki Ninja 650 และ Z650 ตัวตายตัวแทน ER-6n, 6f ขี่ง่ายคล่องตัวราวกับขี่ 300cc

ในปีที่ผ่านมาช่วงท้ายปีนั้น Kawasaki ถือว่าจัดหนักจัดเต็มจริง กับโมเดลเปิดตัวใหม่ในประเทศไทย เริ่มต้นที่งาน Intermot 2016 เมื่อต้นเดือน ต.ค. 2016 ที่ผ่านมา Kawasaki ได้เปิดตัวรถ 2017 Ninja 650 ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลก หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน คนไทยก็ได้สัมผัสตัวจริงกันตามมาติดๆ ด้วยการเปิดตัวขายในประเทศไทย และหลังจากนั้นเพียง 1 สัปดาห์ Kawasaki ก็ได้เผยโฉม Z650 ใหม่ เป็นครั้งแรกในโลก ที่จะเข้ามาทำตลาดแทน ER-6n และขยายไลน์อัพ Z-Series ให้ครบทุกคลาส ในงาน EICMA 2016 และหลังจากเปิดตัวครั้งแรกในโลกเพียง 2 วัน ไทยเราก็จัดหนักเปิดตัวในประเทศไทยต่อทันที

ทั้ง 2017 Kawasaki Ninja 650 & Z650 สองโมเดลคลาส 650cc นี้ ได้รับความสนใจจากนักบิดชาวไทยไม่น้อย และเพื่อเป็นการเปิดต้อนรับศักราชใหม่ ปี 2017 ทาง 9carthai เราขอประเดิมรีวิวแรกของปี ด้วย  รีวิว 2017 Kawasaki Ninja 650 & Z650 คู่หู Sport & Naked มิดไซส์ กันครับ

รถ 2017 Kawasaki Ninja 650 คันที่ได้มาทดสอบนี้เป็นสีดำ Metallic Spark Black มีราคา 299,500 บาท และ Kawasaki Z650 สีเขียว Candy Lime Green ราคา 2.83 แสนบาท

ภายนอก

ขอเริ่มที่ 2017 Kawasaki Ninja 650 ใหม่ ได้ถูกปรับโฉมให้มีรูปลักษณ์สปอร์ตชัดเจนขึ้น

หน้าตาที่พอรู้สึกได้ว่าน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากพี่ใหญ่ ZX-10R ไฟหน้าเหลี่ยมคมกว่าโฉมเดิม มีทิศทางไปในแบบเดียวกับ 2017 Ninja 1000 ใหม่ แต่จะคงความเหลี่ยมคมมากกว่า

แฮนด์บาร์เดิม เปลี่ยนเป็นแบบยึดแผงคอด้านบน มอบฟีลลิ่งการขับขี่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น แต่ยังคงสัมผัสได้ถึงความสบายที่ดีกว่า Ninja 300

บั้นท้ายนั้นดูสั้น และเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
เบาะปรับเป็นแบบสองตอนแยกชัดเจน พร้อมแฟริ่งด้านท้ายในแบบรถสปอร์ตตระกูลนินจาโมเดลอื่นๆ ไม่มีมือจับหลังแบบ ER-6 เดิมอีกต่อไป

ไฟท้าย LED ทรงใหม่รูปตัว X

ท่อไอเสียยังออกใต้ท้องเช่นเดิม แต่ปรับรูปทรงใหม่เล็กน้อย

สวิงอาร์มรูปทรงใหม่ เช่นเดียวกัน

ขณะที่ขนาดล้อและยาง ยังคงเดิม ด้านหน้าสวมยางไซส์ 120/70/R17 หลัง 160/50/R17 จาก Dunlop Sportmax

มาตรวัดใหม่ 2017 Ninja 650 ปรับรูปทรงใหม่ แบบ 2017 Ninja 1000 ดูทันสมัยและเท่กว่าเดิม ด้วย Backlight สีดำ

มาตรวัดรอบแบบเข็มทรงกลมตรงกลางมีบอกตำแหน่งเกียร์และนาฬิกา ด้านขวาจอบอกความเร็วตัวเลขดิจิตอล แสดงผลทั้งเกจ์น้ำมัน, ระดับความร้อน, Trip, อัตราสิ้นเปลือง, ระยะทางคงเหลือ, ไฟ ECO บอกการขี่แบบประหยัด

ปุ่มกดด้านบนกดเซ็ท Trip A, B
ปุ่มกดด้านล่างดู ระยะทางคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย + Realtime

2017 Ninja 650 มีลูกเล่น Shift Light ตั้งค่าได้ และยังมีเข็มที่ปรับเปลี่ยนสีได้ จากปกติสีใส เมื่อใกล้ถึงรอบเครื่องที่ Set ไว้จะเป็นสีชมพู และเมื่อถึงรอบเครื่องที่ตั้งไว้ จะเป็นสีแดง

2017 Ninja 650 มีน้ำหนักตัว 193 ก.ก. น้ำหนักลดลงเกือบ 20 ก.ก. ได้อานิสงค์จากเฟรมใหม่ ที่เบาเพียง 15 ก.ก. ช่วยให้มันเป็น Sport Middle Weight ที่เบามากคันหนึ่ง
เบาะสูงเพียง 790 ม.ม. เตี้ยลง 15 มม. ช่วยให้เป็นมิตรกับผู้ขับขี่ในทุกสรีระ

ความจุถังน้ำมัน 15 ลิตร ขนาดเล็กกว่า ER-6 เดิม 1 ลิตร (เล็กกว่า Ninja 300 เสียอีก) ทำให้รู้สึกได้ว่าทรวดทรงองค์เอวดูจะกระชับขาหนีบมากกว่าเดิม จึงไม่แปลกใจเลย ที่สรีระโดยรวมนั้นดูใกล้เคียงกับรถ 300cc

ท่านั่งขี่ 2017 Ninja 650

แฮนด์แบบยึดแผงคอด้านบน ทำให้ตำแหน่งดูสูงกว่า Ninja 300 ใกล้เคียงกับ Ninja 1000 ดูไม่ต้องก้มมากนัก ขี่ได้สบาย ไม่เมื่อย ความสูงเบาะที่เตี้ยลงกว่าเดิมเกือบเท่า Ninja 300 ยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจขณะยืนคร่อมรถ

ถังน้ำมันขนาด Slim ที่มีมุมรับกับต้นขาเพื่อหนีบถัง ช่วยให้มันดูเล็กและคล่องตัว ทำให้ฟีลลิ่งโดยรวมขี่สบายกว่า Ninja 300 และเบาคล่องตัวในเมืองไม่แพ้กัน เมื่อพับกระจกขึ้น มุดลอดช่องการจราจรได้ง่ายดาย

ขณะที่เบาะผู้ซ้อนนั้นอาจจะนั่งไม่สบายเท่าโฉม ER-6 เดิม เพราะมันแคบลงในสไตล์ Ninja โมเดลอื่นๆ และไม่มีมือจับกันตกให้จับอีกต่อไป แต่โดยรวมก็ถือว่านั่งสบายกว่า Ninja/Z300 เนื่องจากเบาะนั้นมีขนาดบางจึงทำให้รู้สึกแข็งจากก้นกระแทก

มาต่อที่ Z650

เริ่มไล่ที่ไฟหน้าจะพบว่าดีไซน์แตกต่างไปจากพี่น้อง Z Series คันอื่นๆ ดูแล้วแอบคล้ายไฟหน้า BMW G310R
แผ่นบังเรือนไมล์ขนาดจิ๋วแบบที่มีใน ER-6n
ตำแหน่งไฟเลี้ยวอยู่ข้างบนเหนือไฟหน้าเล็กน้อย ไฟเลี้ยวทรงใหม่นี้มีความแหลมคมกว่าเดิมที่เน้นทรงเหลี่ยม

ไฟท้ายของ Z650 เมื่อไม่เปิดไฟจะเหมือน 2017 Ninja 650 คือเป็นรูปตัว X แต่เมื่อเปิดไฟ จะพบว่ามีลูกเล่นซ่อนอยู่ไฟจะโชว์เป็นตัวอักษร Z ซึ่งแตกต่างจาก Ninja ที่เป็น X เช่นเดิม

ปีกแฟริ่งข้างแบบ เปลือยขนาดเล็ก และไม่มีอกล่างแบบ Ninja

ในส่วนตัวถังน้ำมัน ครึ่งท้ายรถนั้นไปเรียกได้ว่าเหมือนกันแทบทั้งหมด มีต่างกันเล็กน้อยตรงที่วัสดุหุ้มเบาะ

Ninja 650 จะเป็นหนังแบบมันเงา Z650 จะเป็นลักษณะหนังแบบเกล็ดงู

มาตรวัด Z650 จะเป็นแบบเดียวกับ Z900 โดดเด่นที่ Backlight เป็นสีดำ และตกแต่งด้วยลายเคฟล่า มาตรวัดทรงครึ่งวงกลมเป็นตัววัดรอบเครื่องอยู่ที่ขอบด้านบน ซึ่ง Z650 จะไม่ใช้เข็มในการแสดงรอบเครื่องแต่จะใช้เป็นแถบไฟ LED วาดรอบเครื่องยนต์ แบบ ZX-10R จอแสดงผลตรงกลางเป็นตัวเลขบอกความเร็ว มีบอกตำแหน่งเกียร์ พร้อมทั้งแสดงผลทั้งเกจ์น้ำมัน, ระดับความร้อน, Trip, อัตราสิ้นเปลือง, ระยะทางคงเหลือ, ไฟ ECO บอกการขี่แบบประหยัด

ปุ่มกด ซ้ายกดเซ็ท Trip A, B
ปุ่มกดขวา ดู ระยะทางคงเหลือ, อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย + Realtime, นาฬิกา

Z650 มีน้ำหนักตัวเพียง 187.1 ก.ก. เบากว่า ER-6n ถึง 19 ก.ก. ด้วยกัน ซึ่งน้ำหนักตัวนั้นใกล้เคียงกับ MT-07 ถือได้ว่าเป็น Naked Middle Weight ที่เบาที่สุดคันหนึ่ง

ท่านั่งขี่ Z650

องศาแฮนด์บาร์ที่แคบ ตำแหน่งแฮนด์ไม่สูงไม่เตี้ยไป กำลังดี ช่วยให้การควบคุมวงเลี้ยวทำได้คล่องแคล่ว และมีวงเลี้ยวที่แคบ

เบาะที่ไม่สูงจนเกินไป ถังน้ำมันที่มีขนาดเล็กกว่า Z300 และมีมุมรับกับต้นขา ทำให้ความรู้สึกขับขี่นั้นคล่องแคล่วดีมากๆ ราวกับขี่ Z300 อย่างไงอย่างงั้น ขี่ในเมืองถือเป็น Naked Middle Weight ที่คล่องตัวเหมาะแก่การใช้งานในเมืองมากๆ แต่การมุดช่องจราจรอาจจะทำได้ไม่ดีเท่า Ninja ตอนพับกระจก เนื่องจากกระจกมองข้างอยู่ในตำแหน่งของกระจกรถยนต์พอดิบพอดี

ด้านเบาะคนซ้อนจะเป็นเช่นเดียวกับ 2017 Ninja 650 จึงไม่ขอกล่าวซ้ำ

เครื่องยนต์ ทั้ง 2 โมเดล ใช้เครื่องยนต์ 2 สูบเรียง ความจุ 649cc DOHC 8 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ บล็อกเดิมจาก ER-6 ได้ปรับปรุงใหม่ ให้ผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro4 นอกจากนี้ยังเคลมอัตราสิ้นเปลืองดีขึ้นอีก 6.8% (ราว 23.4 ก.ม./ลิตร) ส่งผลให้แรงม้าตกลงเล็กน้อย 3 ตัว อยู่ที่ 68 PS@8,000rpm มีแรงบิด 65.7 Nm@6,500rpm

เริ่มกำคลัทช์เตะเกียร์ พร้อมออกตัว พบว่าน้ำหนักคลัทช์นิ่ม ขี่ในเมืองที่รถติดได้สบายๆ ขอบคุณระบบ Assist & Slipper Clutch ที่ใส่มาให้ จึงไม่เมื่อยนิ้วเท่ากับ Ninja 250 โมเดลแรกที่ผู้เขียนใช้อยู่ ด้านซุ่มเสียงนั้นก็ออกแหบๆ แตกๆ เช่นเคย อาจไม่ไพเราะเท่ารุ่นพี่ 4 สูบเท่าใดนัก

สำหรับการปรับจูนเครื่องใหม่ จะเน้นแรงบิดที่รอบต้นและกลางดีขึ้น ทำให้ช่วงออกตัวเปิดคันเร่ง แม้จะยังคงสไตล์เครื่อง 2 สูบที่มีอาการกระชากอยู่ แต่เมื่อเทียบกับ ER-6 คันเร่งดูสมูทขึ้นพอควร กระแทกคันเร่งออกได้ไม่เหวอ ในช่วงรอบ 3,000-6,000rpm จะให้แรงบิดที่โดดเด่น การใช้งานเร่งแซงในเมืองที่รอบเครื่องช่วงนี้ถือว่าทอร์คมีมาให้ใช้แบบลื่นไหลเพียงพอ

โดยรวมการใช้งานอัตราเร่งช่วงต้นทำได้ดีไม่แตกต่างจาก 650cc คันอื่นๆ แต่สังเกตได้ว่า ความเร็วปลายช่วง 170 กม./ชม. ขึ้นไปนั้น จะขึ้นช้าลงกว่าเดิมอย่างรู้สึกได้

ด้าน Top Speed ที่ทางเราสามารถทำได้อยู่ที่ระดับ 200 กม./ชม. ไม่ไหลไปกว่านี้ ทดสอบในรุ่น 2017 Ninja 650 (2012 Ninja 650 โฉมเดิมผู้เขียนเคยทำได้ที่ระดับ 210 กม./ชม.) การทดสอบในครั้งนี้อาจมีปัจจัยมาจากสภาพอากาศขณะทดสอบ รวมถึงการแปะกล้อง Action Cam เพื่อดูความเร็วจาก Dashboard จึงทำให้ก้มคางติดถังมากไม่ได้

นอกจากนี้ Kawassaki 650 ทั้ง 2 คัน ยังมี ECO Indicator ซึ่งจะติดขึ้นเพื่อบ่งบอกว่าคุณกำลังขับขี่อย่างประหยัด

ในด้านของอัตราสิ้นเปลืองตามเคลมนั้น 23.4 ก.ม./ลิตร จากการใช้งานจริงเราทำได้ที่ราว 19 ก.ม./ลิตร สำหรับการเดินทางผสมผสานการวิ่งในเมืองและชานเมือง

ระบบกันสะเทือน ทั้ง 2017 Ninja 650 และ Z650 ใหม่ ใช้ด้านหน้าโช้กอัพแบบตะเกียบ Telescopic ขนาดแกน 41 ม.ม.

โช้กหลังเดี่ยววางนอน (Horizontal back-link) ปรับ Preload ได้ วางตำแหน่งใหม่ จากเดิมเยื้องขวาถูกปรับมาวางตรงกลาง พร้อมกระเดื่องเพื่อใช้ในการซับแรง

แรกสัมผัส รู้สึกเลยว่า ให้ความนุ่มนวลมากกว่าเดิม เหมาะแก่การเดินทางแบบทัวร์ริ่ง นั่งสบายทั้งผู้ขี่ผู้ซ้อน แต่เมื่อมีผู้ซ้อนจะพบว่ามันนิ่มจนย้วยเกินไปเสียหน่อย รวมถึงการขี่ที่ความเร็วสูง หรือ นำไปเล่นพลิกโค้ง อาจจะดูย้วยไปนิด จึงทำให้ความรู้สึกเมื่อโยกรถเข้าโค้งเร็วๆ ดิ้นเล็กน้อย แต่ถ้าคุณไม่ได้จะเอาเจ้า 650 ทั้ง 2 คันนี้ ไปใช้งานแบบซิ่งๆ แล้วล่ะก็ มันเป็นรถที่ขี่ใช้งานและเดินทางได้อย่างเหมาะสมเลยทีเดียว

ระบบเบรก ABS ทั้ง 2 โมเดล ใช้เบรกแบบจานดิสก์หน้าคู่ขนาด 300 ม.ม. เดิมทีใช้ปั๊มเบรกจาก Tokico ได้เปลี่ยนมาใช้ของ Nissin 2 สูบ

เบรกหลังจานดิสก์เดี่ยวขนาด 220 ม.ม. คาลิปเปอร์ 1 สูบ จาก Nissin เช่นกัน

ครั้งแรกเลยที่สัมผัสได้ นั่นก็คือ ฟีลลิ่งน้ำหนักเบรกที่ดูหนักแน่นกว่าเดิมเล็กน้อย ER-6 เดิมที่ใช้ปั๊ม Tokico จะให้ความรู้สึกแบบเดียวกับค่าย Suzuki เบรกดูหนือและไม่มีน้ำหนักเท่าที่ควร ซัดมาแรงๆ อาจพบอาการไหล ต้องเผื่อระยะเบรกมากกว่าที่ควรจะเป็น ขณะที่โฉมปี 2017 นี้ ให้น้ำหนักที่ดีขึ้นรู้สึกได้ว่าเบรกได้หนักแน่นขึ้น เช่นเดียวกับ Honda 650f แต่ แต่ด้วยน้ำหนักรถที่เบากว่าค่ายปีกนกอย่างเห็นได้ชัด จึงทำให้ระยะทางการหยุดรถนั้นสั้นและกระชับกว่าแบบสัมผัสได้เลย

สรุป
2017 Kawasaki Ninja 650 และ Z650 ใหม่ นี้ ถือเป็น 2 คู่หูมิดไซส์ จาก Kawasaki ที่เปรียบเสมือน นำเหล้าเก่ามาปรับปรุงสูตร บรรจุลงขวดใหม่ ให้ดูทันสมัย ในด้านการขับขี่ให้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป จุดสำคัญคือ มันเป็นมิตรกว่าเดิม แม้รูปลักษณ์จะดูสปอร์ตขึ้น ด้วยน้ำหนักตัวที่เบาลง เบาะเตี้ยลง และระบบกันสะเทือนที่นั่งโดยสารได้สบายขึ้น  (เว้นแต่ตัวเบาะตอนหลังนั่งลำบากขึ้น)

โดยรวมแล้วคู่หูมิดไซส์ ทั้ง 2 คันนี้ ขี่ง่ายขึ้น เบา พลิ้ว แทบไม่ต่างจากรถ Entry Class เลยด้วยซ้ำ

ด้วยความแรงที่ตกลงเล็กน้อย ทำให้ความเร็วปลายนั้นตกลงเล็กน้อย แต่นั่นคงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะคุณงามความดีในด้านความมิตรในการขับขี่นั้นช่วยให้ทั้งคู่ เป็นรถที่โดดเด่นไม่แพ้คู่แข่งมิดไซส์แบรนด์อื่นเลย

เป็นคุณจะเลือกรุ่นไหน?

2017 Ninja 650 เป็นรถสปอร์ตมิดไซส์ แต่ยังคงความสบายในการขับขี่ ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล ก็ไปได้ทุกที่ เมื่อพับกระจก ซอกแซกการจราจรที่คับคั่งทำได้ราวกับเป็น Ninja 300

Z650 เป็นรถ Street Fighter ในคลาส Mid Sized โดดเด่นจาก น้ำหนักเบา องศาแฮนด์แคบ ทำให้วงเลี้ยวแคบ มอบความคล่องตัวแบบ Z300 มุดซอกแซกได้ง่าย หากถอดกระจกออกสบายตัวอย่างแน่นอน แต่ถ้าเดินทางไกล อาจจะไม่เหมาะ เพราะไม่มีวินชิลด์อย่าง Ninja และ แฮนด์บาร์องศาแคบ ดูจะไม่มั่นคงที่ความเร็วสูงเท่าแฮนด์จับบนแผงคอแบบ Ninja รวมถึงการเทโค้งด้วยความเร็วแฮนด์บาร์แคบที่ให้ความคล่องตัว แต่อาจให้การควบคุมได้ไม่ดีนักเมื่อต้องใช้ความเร็ว

จุดเด่น

• เป็นมิตรกับผู้ขับขี่มากขึ้น ทั้งน้ำหนักที่เบาลง และเบาะที่เตี้ยลง
• หน้าตาดูโฉมเฉี่ยวยิ่งขึ้น มอบความสปอร์ตทันยุคทันสมัย
• การเดินคันเร่ง ออกตัวสมูทขึ้น คุมรถง่ายกว่าเดิม
• เบรกใหม่ ทำหน้าที่ได้ดี

ข้อสังเกตุ

• ระบบกันสะเทือนที่ ดูจะเซ็ทมาสไตล์ทัวร์ริ่งไปหน่อย ไม่ค่อยเข้ากับภาพลักษณ์สปอร์ตนัก
• กำลังช่วงปลายที่ลดลงไปพอสมควร

ขอขอบคุณ Kawasaki Motaoholic สำหรับรถทดสอบ 2017 Kawasaki Ninja 650 & Z650
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver & Photo
อำพล มูลทองสุข Co-Driver & Photo

ใหม่ Kawasaki Z125 Pro 2017-2018 ราคา คาวาซากิ Z125 Pro ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

ดู Segment ใกล้เคียง Honda MSX 125, Honda Zoomer X, Kawasaki Z125, Yamaha MT-03

“KAWASAKI” ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ชั้นนำของประเทศไทย เปิดโฉมรถจักรยานยนต์ซุปเปอร์เนคเก็ตขนาด 125 ซีซี หัวฉีด ตระกูล “Z” ในรูปแบบ Auto และ Manual ให้บรรดาผู้หลงใหลและชื่นชอบความสปอร์ตได้ยลโฉมและสัมผัสเป็นครั้งแรกพร้อม กันทั่วประเทศ ในสไตล์ Super Naked ทำให้รถจักรยานยนต์รุ่นใหม่คันนี้มีฟังก์ชั่นที่ครบครันเริ่มตั้งแต่ โช้คหัวกลับแบบสปอร์ต โช้คหลังเดี่ยวออฟเซ็ตแนวนอนปรับระดับได้

Kawasaki Z125 ราคา
ราคา Kawasaki Z125 (Auto Clutch) คาวาซากิ Z125 74,990.
ราคา Kawasaki Z125 Pro (Manual Clutch) คาวาซากิ Z125 Pro 74,990.

ราคา คาวาซากิ Z125 Pro ตารางราคา-ผ่อน-ดาวน์

การออกแบบรูปลักษณ์ที่มีความโดดเด่นเรือนไมค์วัดรอบอะนาล็อคเช่นเดียว กับรถแข่งรวมถึงจอ LED ดิจิตอลที่รวมฟังก์ชั่นครบครันแสดงผลชัดเจน ทั้งหมดนี้คือรถจักรยานยนค์สไตล์ซุปเปอร์เนคเก็ตที่คล่องตัวที่สุดของคาวาซา กิ ที่จะพาท่านท่องไปในเมืองได้อย่างใจนึก แหละนี่คือความใส่ใจที่คาวาซากิที่มอบให้แก่ผู้ใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อทุกความ รู้สึกการขับขี่อย่างมีสไตล์ ซึ่งถือเป็นเอกลักษณ์ของคาวาซากิอย่างแท้จริง

เครื่องยนต์ 125 ซีซี ระบายความร้อนด้วยอากาศ สูบเดียว ระบบหัวฉีด ให้พละกำลังเต็มพลังตอบสนองฉับไวเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ โช้คหน้าหัวกลับรับแรงกระแทกทุกการขับขี่ โช้คหลังเป็นแบบโช้คเดี่ยวออฟเซ็ตแนวนอนสามารถปรับพรีโหลดได้ถึง 4 ระดับ รูปโฉมภายนอกเป็นแบบ Super Naked ดุดัน สะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ตระกูล “Z” อย่างลง

ดีไซน์เรือนไมล์สไตล์สปอร์ต วัดรอบอะนาล็อคเหมือนรถแข่ง พร้อมจอ LCD ดิจิตอล ไฟหน้าเดี่ยวมัลติรีเฟลกเตอร์แบบสปอร์ต ให้อิมเมจความเพรียวแก่ตัวรถและให้แสงสว่างที่ชัดเจนเพื่อการมองเห็นในยาม ค่ำคืน

รวมถึงไฟท้าย LED ดีไซน์เฉียบเป็นรูปตัว “Z” เช่นเดียวกับ “Z 800” พร้อมเบาะใหม่สไตล์สปอร์ต สวิทช์กุญแจตรงหน้าถังน้ำมัน เพิ่มอิมเมจความสปอร์ตให้กับตัวรถ

อีกทั้งท่อไอเสียออกล่างให้ความคอมแพคกับตัวรถ ตำแหน่งพักเท้า และเกียร์โยงสำหรับผู้ขับขี่สไตล์บิ๊คไบค์ แล้วคุณจะพบว่า คาวาซากิ “Z 125” เป็นรถสไตล์สปอร์ต ที่ดุดัน เหมือนกันกับรุ่นอื่น ๆ ในตระกูล Z ของคาวาซากิ โดดเด่น สะดุดตา พร้อมทะยานไปกับคุณทุกที่ แม้เพียงนั่งคร่อม

COLORS สี KAWASAKI Z125

โดยคาวาซากิ Z125 และ Z125 Pro วางจำหน่าย 3 สีด้วยกันคือ 1.สีเขียวมะนาว (Candy Lime Green)  2.สีเทาเมทัลลิคกราไฟต์ (Metallic Graphite Gray) 3.สีส้มแคนดี้ไหม้ (Candy Burnt Orange)

NEW KAWAZAKI Z125 PRO (2015) สี เทา-ดำ

NEW KAWAZAKI Z125 PRO (2015) สี เขียว-ดำ

NEW KAWAZAKI Z125 PRO (2015) สี ส้ม-ดำ

---

SPECFICATION KAWAZAKI Z125 PRO 2015

รหัสรุ่น	KAWAZAKI Z125 PRO
เครื่องยนต์	4 จังหวะ สูบเดี่ยว SOHC 2 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยอากาศ
ปริมาตรกระบอกสูบ	125 ซีซี
ความกว้างกระบอกสูบ x ช่วงชัก มม.	56.0 x 50.6 มม.
อัตราส่วนแรงอัด	9.8:1
ระบบคลัทช์	Z125 : แบบเปียก, แรงเหวี่ยง Z125 PRO : แบบเปียก, manual
ระบบส่งกำลัง (ระบบเกียร์)	4 เกียร์ แบบวน
ระบบจุดระเบิด	Digital
ระบบการติดเครื่องยนต์	สตาร์ทมือด้วยระบบไฟฟ้า
ขนาด กว้าง x ยาว x สูง (มม.)	Z125 : 1,700 x 740 x 1,005 มม. Z125 PRO : 1,700 x 750 x 1,005 มม.
ระยะห่างช่วงล้อ (มม.)	1,175 มม.
ระยะห่างจากพื้น (มม.)	155 มม.
ความสูงจากพื้นถึงเบาะ (มม.)	780 มม.
ความจุน้ำมันเชื้อเพลิง (ลิตร)	7.4 ลิตร
น้ำหนักสุทธิ (กก.)	101 กก.
ระบบกันสะเทือน (หน้า)	เทเลสโคปิคหัวกลับ ระยะการทำงาน 30 มม.
ระบบกันสะเทือน (หลัง)	แบบเดี่ยว ทำงานร่วมกับสวิงอาร์ม สามารถปรับตั้งได้แบบฟรีโหลด
ระบบห้ามล้อ (หน้า)	ดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยว จานเบรกขนาด 200 มม.
ระบบห้ามล้อ (หลัง)	ดิสก์เบรกลูกสูบเดี่ยว จานเบรกขนาด 184 มม.
ล้อ หน้า-หลัง	ล้อแม็ก
ขนาดยาง (หน้า)	100/90-14 49J
ขนาดยาง (หลัง)	120/70-12 51L
น้ำมันเชื้อเพลิง	น้ำมันแก๊สโซฮอล์ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป หรือ E20

Kawasaki Motorcycle Big Bike 2017-2018 ราคารถ คาวาซากิ มอเตอร์ไซค์ บิ๊กไบค์

Call Center ศูนย์ KAWASAKI พระราม 9 ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มได้ที่ 02-247-7935-38 / หรือ คุณบูม 090-558-9540

รีวิว Kawasaki Z900 แรดตัวใหม่ ทดแทน Z800 แรงขึ้น ควบคุมง่ายกว่าแถมเป็นมิตรกว่าเดิม

ย้อนกลับไปที่งาน EICMA 2016 ทาง Kawasaki ได้เปิดตัว KAWASAKI900 ใหม่ และหลังจากนั้นเพียง 2 วัน ทาง Kawasaki Motors ประเทศไทย ก็ได้เปิดตัวตามมาติดๆ ซึ่งสร้างความฮือฮา ให้นักบิดชาวไทยไม่น้อย ด้วยระดับราคาเริ่มไม่ถึง 4 แสนบาท กับพิกัดเครื่องยนต์เกือบเต็ม 1 ลิตร

และหลังจากที่ผ่านมาทาง 9carthai เราได้ประเดิมรีวิว 2017 Kawasaki Ninja 650 และ Z650 กันไปแล้ว ในวันนี้ขอมานำเสนอกันต่อกับรถที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมากของค่ายยักษ์เขียวกันต่อกับ KAWASAKI Z900 แรดผู้พี่คันล่าสุดนี้กันครับ

สำหรับรถ Kawasaki Z900 ที่เราได้มาทดสอบคันนี้ เป็นสีเทาดำ PEARL MYSTIC GRAY / METALLIC FLAT SPARK BLACK ซึ่งมีราคา 3.99 แสนบาท ซึ่งเป็นสีไฮไลท์ของเจ้า Z900 เลยก็ว่าได้

รูปลักษณ์ภายนอก Kawasaki Z900 ใหม่ ถือเป็นรถที่มีรูปลักษณ์ในแบบ Super Naked ไซส์ Heavy Weight ที่ได้แรงบันดาลใจการออกแบบตามหลัก “Sugomi” แปลว่า ดุดัน, โหดร้าย ในภาษาญี่ปุ่น เหมือนอย่าง Z Series คันอื่นๆ

มองผิวเผิน KAWASAKI Z900 มีขนาดตัวพอๆกับ KAWASAKI Z800 ด้วยทรงถังน้ำมันที่ขนาดใหญ่ ทำให้ Z900 คันนี้ ดูมีมัดกล้ามเนื้อ แกร่งและดุดัน

ไฟหน้าใหม่ อาจจะไม่เฉียบคมเหมือน Z800 ซึ่งบางคนอาจชอบ หรือไม่ชอบก็แล้วแต่ความชอบของแต่ละคน  ส่วนไฟเลี้ยวหน้า ถูกยกขึ้นไปอยู่ทางด้านบน

ไฟท้ายแบบเดียวกับ Z650 ด้านเบาะท้ายมีขนาดเล็กลงกว่า Z800 อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งทิศทางเป็นไปในแบบรถ Supersport

ตัวเบาะนั่งเป็นลวดลายคล้ายเกล็ดหนังงู แทนโลโก้ Z ที่พบใน Z800

สำหรับตัวเฟรม Z800 เดิมจะถูกชุดแฟริ่งปกคลุมอยู่ แต่ใน Z900 จะเปลือยให้เห็นเฟรมเหล็ก Trellis ในสีเทาดำคันนี้จะเป็นเฟรมสีเขียว ได้แรงบันดาลใจมาจาก Ninja H2R

ปลายท่อดีไซน์ใหม่ สวยงามกว่าเดิม ตกแต่งแผ่นกันความร้อนและขอบปลาย สแตนเลสที่ดูเงางามยิ่งขึ้น

ด้านยางยังใช้ซีรีย์เดิมจาก Dunlop Sportmax D214 หน้าขนาด 120/70 ZR17 หลังไซส์ 180/55 ZR17

มาตรวัด Z900 ใช้รูปแบบเดียวกับ Z650 แต่เพิ่มลูกเล่นตรงการแสดงผลมาตรวัดรอบเครื่อง ที่เป็นสเกล LCD ปรับรูปแบบแสดงผลได้ 3 แบบ และจะมีการกระพริบเตือนเป็น Shift Light Indicator ในตัวอีกด้วย โดยการกดปุ่มทั้งซ้าย-ขวา บนมาตรวัดพร้อมกัน

1. วิ่งเต็มทั้ง 2 แถบ
2. วิ่งเฉพาะขีดด้านบนพอถึง Shift Light เตือนจะกระพริบทางด้านล่าง
3. เข็มชี้ทางด้านบน และทางด้านล่างจะแสดงผลแบบวิ่งกลับ

สวิทช์ไฟซ้ายให้ไฟฉุกเฉิน และไฟ Pass ในแบบที่ควรจะมี
ด้านก้านคลัทช์ และก้านเบรกปรับได้ 5 ระดับ

มิติรถ

Z900 ใช้เฟรมแบบใหม่ ซึ่งหนักเพียง 13.5 กก. (เฟรม Z650 หนัก 15 กก.) ทำให้ Z900 น้ำหนักตัวเหลือเพียง 210.5 กก. เบาลงกว่า Z800 ร่วม 20 กก. และหนักกว่า ER-6n เพียง 4 กก. เท่านั้น

ขนาดถังน้ำมันใหญ่และจุเหมือนเดิม 17 ลิตร

เบาะเตี้ยลงอยู่ที่ระดับ 794 มม. เหมาะสมกับสรีระนักบิดชาวเอเชียมากขึ้น

ท่านั่ง
ด้วยความสูงเบาะเพียง 794 มม. ทำให้ผู้เขียนที่สูง 174 ซม. ยืนเหยียบได้เต็มเท้าเข่างอเล็กน้อย ให้ความมั่นคงในการควบคุมเป็นอย่างดี

ตำแหน่งแฮนด์ เมื่อเทียบกับ Z650 จะเตี้ยกว่า และมีความยาวมากกว่า องศาใกล้เคียงกับ Z800

นั่นจึงทำให้วงเลี้ยวการขี่ซอกแซกจะสู้ Z650 ไม่ได้ แต่การขี่ทางยาวๆ จะเมื่อยแขนน้อยกว่า ด้วยตำแหน่งแฮนด์ที่ต่ำและยาวกว่า รวมไปถึงการออกแบบท่านั่งที่ตั้งตรงกว่า Z800 และ Z1000 ทำให้ไม่ต้องโน้มตัวเยอะ จึงทำให้สบายกว่าด้วย

เบาะท้ายนั้นกลับมีขนาดเล็กมาก (เล็กกว่า Z1000) หากขี่ซ้อนในเมืองเดินทางใกล้ๆ ก็น่าจะไม่เมื่อยอะไรนัก แต่ถ้าเดินทางไกล มีเมื่อยง่ามก้นกันบ้างแน่ๆ รวมไปถึงหากคุณแฟน ก้นใหญ่ ละก็อาจมีบ่นได้แน่นอน

มีจุดหนึ่งที่ผู้เขียนไม่ค่อยชอบนัก นั่นก็คือ กระจก Z-Series ที่เป็นเหมือนกันแทบทุกรุ่น ซึ่งดูจะหลุดง่าย หากขี่ด้วยความเร็วสูง รวมไปถึงจังหวะที่เข็นรถ และข้อศอกไปโดนทำให้ กระจกหลุดออกจากตำแหน่งล็อก และต้องขันใหม่ ซึ่งค่อนข้างลำบากทีเดียว

เครื่องยนต์ 4 สูบเรียง บล็อกใหม่ความจุสูงถึง 948cc (Oversized) DOHC 16 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ซึ่งมอบกำลังที่มากกว่า Z800 ถึง 12 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้นอีก 15Nm ทำให้กำลังเครื่องบล็อกนี้อยู่ที่ 125PS@9,500rpm และแรงบิด 98.6Nm@7,700rpm

การเซ็ทอัตราทดเกียร์ ช่วงเกียร์ 1-5 ทดชิด และช่วงเกียร์ 6 เป็น Overdrive ซึ่งเน้นต้นที่จี๊ดจ๊าดเอาเรื่อง

เอาล่ะพร้อมแล้วติดเครื่องยนต์ทันที ลองเบิ้ลเครื่องฟังเสียงกันเสียหน่อย ช่วงรอบกลางถึงสูง ให้ซุ่มเสียงที่ดุดันเอาเรื่อง โทนทุ้มปนแหลมๆ บาดหูนิดๆ สร้างความเร้าใจ ให้หัวใจสูบฉีดเต้นแรงไม่น้อยเลย

ออกตัวกำคลัทช์เตะเกียร์ นิ่มนิ้วดีแท้ อานิสงค์จาก Assist &Slipper Clutch นั่นเองทำให้เราไม่ต้องเมื่อยนิ้วมือซ้ายอีกต่อไปแม้ต้องเจอกับการขี่ในเมืองที่รถติด การออกตัวในช่วงต้นนั้น ทำได้แบบนิ่มนวลในสไตล์เครื่องยนต์ 4 สูบ แต่แฝงด้วยซุ่มเสียงที่มีพละกำลังอย่างล้นเหลือ แต่ก็ต้องระมัดระวังอย่าเผลอกระแทกคันเร่งพรวดพราดเอาล่ะ อาจมีเหวอได้

แน่นอนว่ามันไม่ได้ออกตัวแบบดีด ในแบบเครื่องยนต์ 2 สูบ เนื่องจากสไตล์เครื่อง 4 สูบที่ออก Smooth แต่ทว่าการออกตัวยัดคันเร่งหนักๆ รอบกวาดระดับ 5,000rpm+ จะสร้างแรงดึงให้หวาดเสียวสันหลังเอาได้เหมือนกัน

จากที่ผู้เขียนได้เคยทดสอบ Z800 มาเมื่อราว 3 ปีครึ่งที่แล้ว ยังพอจำความรู้สึกได้ลางๆ เมื่อเทียบกับ Z900 คันนี้แล้ว แรงกว่า ให้อัตราเร่งที่จี๊ดจ๊าดดุดันกว่า พอควร ซึ่งได้อานิสงค์ทั้งจาก น้ำหนักที่เบาลง และอัตราทดเกียร์ 5 เกียร์แรกที่ชิดพอสมควร

นอกจากนี้ การกระแทกคันเร่งเพื่อแซง จากความเร็วในระดับ 100 กม./ชม. ขึ้นไป จากตำแหน่งเกียร์ 6 ถือว่าทำได้ดี ไม่จำเป็นต้อง Shift down เกียร์ลงมาเพื่อเค้นกำลังนัก

น่าเสียดายที่ผู้เขียนไม่มีโอกาสได้ลองรถยาวๆ อย่างเต็มที่นัก เนื่องจากเป็นข่วงที่ฝนตกทุกวัน จึงไม่มีโอกาสได้เดินทางไกล ได้แต่การใช้งานบริเวณในเมือง และรอบชานเมืองซึ่ง ความเร็วเดินทางส่วนใหญ่อยู่ในช่วง 120-140 กม./ชม. ซึ่งพบว่าอัตราสิ้นเปลืองที่ทำได้นั้นจะอยู่ในช่วง 17-18 ก.ม./ลิตร กับการใช้งานในเมือง + ชานเมือง

ขณะที่ความร้อนนั้น ก็ถือว่าเป็นไปตามเกณฑ์ของเครื่องยนต์รถญี่ปุ่นในรถระดับเกือบลิตร ร้อนพอสมควรแต่ก็ไม่มากจนอึดอัด ซึ่งโดยรวมหากขี่รถยุโรปมาก่อนแล้ว Z900 นี้ถือได้ว่าสบายๆ

ระบบกันสะเทือน โช้กหน้า UpSideDown ขนาดแกน 41 มม. ปรับ Rebound ได้จากทางแกนโช้กฝั่งซ้าย และ Preload ได้จากทางแกนโช้กฝั่งขวา

ด้านหลังโช้กเดี่ยว Mono Shock วางนอนแบบ Horizon Back Link พร้อมกระเดื่องทดแรง วางอยู่บน swingarm อลูมีนัม ปรับ Rebound และ Preload ได้เช่นกัน

ช่วงล่างถือว่า เซ็ทออกมาให้ควบคู่กันทั้งสมรรถนะในการขับขี่แบบสปอร์ต และยังคงให้ความสะดวกสบายในการขี่อยู่ด้วยบ้าง

แต่ถึงอย่างไรมันก็ยังดูแข็งและเฟิร์มกว่า Z650 อย่างชัดเจน สำหรับการขับขี่แบบทั่วๆ ไปนั้น จะค่อนไปทางแข็งเสียหน่อย แต่หากขี่ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น มันทำหน้าที่ได้อย่างค่อนข้างดีเลยทีเดียว ซึ่งสัมผัสได้ถึงการยึดเกาะที่ดีกว่า Z650 ที่เน้นไปในเชิงโดยสารอย่างผ่อนคลายเสียมากกว่า

อย่างไรก็ดีการควบคุมในการเข้าโค้งด้วยสไตล์รถที่มีบอดี้ขนาดใหญ่ แต่หัวเบา และตำแหน่งแฮนด์ที่ดูกางและเตี้ยอาจทำให้มันขี่เลี้ยวในวงแคบลำบากไปหน่อย ขณะที่ในโค้งความเร็วก็เหมาะแก่การเข้าโค้งในท่าทางแบบแบะแทงศอกเอาซึ่งดูเท่ไม่เบาทีเดียว

ระบบเบรก ABS ด้านหน้าใช้จานดิสก์หน้าคู่ขนาด 300 มม. ปั๊มเบรก Nissin 4 ลูกสูบ

เบรกหลังจานดิสก์เดี่ยวขนาด 250 มม. คาลิปเปอร์ 1 สูบ จาก Nissin เช่นกัน

ด้วยการใช้ขนาดจานที่ใหญ่ขึ้นกว่า Z800 ทั้งหน้า-หลัง เพื่อเพิ่มเติมประสิทธิภาพในการการชะลอความเร็ว จากกำลังที่เพิ่มขึ้น

ให้ความรู้สึกเบรกได้มั่นใจดีขึ้น และถ้าหากเทียบกับคลาส 650 ที่พึ่งทดสอบมาไม่นานพบว่า ประสิทธิภาพในปั๊มเบรก 4 สูบ นี้เมื่อต้องหยุดกำลัง 125 แรงม้า ทำได้ดีกว่า 2 ลูกสูบที่ต้องหยุดกำลังเพียง 68 แรงม้า อย่างรู้สึกได้

นอกจากนี้สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ระบบเบรก ABS ที่มีเข้ามาใน Z900 ทำให้ คุณสามารถกดแรงเบรกได้เต็มที่ โดยไม่ต้องพะวงเกรงว่าล้อจะล็อกแบบใน Z800 อีกต่อไป รวมไปถึงฟีลลิ่งของเบรกหลัง ที่ไม่รู้สึกได้ว่า ABS ทำงานไวจนน่ารำคาญ เหมือนอย่างที่พบใน Z650 อีกด้วย

สรุป
Kawasaki Z900 แรดผู้พี่คันใหม่ จาก Kawasaki ตัวตายตัวแทน Z800 แรงขึ้นแต่เป็นมิตรกว่าเดิม ทั้งในด้านของการควบคุม น้ำหนัก ความสูงเบาะ จึงทำให้ผู้ขี่ใช้งานทั่วไปมีความมั่นใจมากขึ้น รวมถึงให้ความคล่องแคล่วขึ้นกว่าเดิมพอสมควร แม้ว่าระบบเทคโนโลยีช่วยการขับขี่จะมีเพียง ABS เท่านั้น ก็ถือว่าเพียงพอกับสไตล์เครื่องยนต์ 4 สูบ อาจจะยังไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ระบบ TCS และ Riding Mode เข้ามานัก

โดยรวมแล้วกับการที่เป็นรถในระดับ 4 แสนบาท 4 สูบเรียงและมีกำลังสูงถึงเกือบๆ รถพิกัด 1 ลิตร ทำให้ผู้ที่มองหา Naked คลาส 1 ลิตร ยังต้องหันมามองเพราะมันราคาถูกกว่าถึงราว 2 แสนบาทเลยทีเดียว

สำหรับผู้ที่ต้องการรุ่นตกแต่ง ทาง Kawasaki Motors ประเทศไทยได้เพิ่มรุ่นพิเศษ Z900 HG ราคา 4.29 แสนบาท ที่มากับสีพิเศษ CANDY PLASMA BLUE/METALLIC GRAPHITE GRAY ให้เลือกอีกด้วย

จุดเด่น

• น้ำหนักเบาลง เตี้ยลง ขี่ง่ายขึ้น เป็นมิตรกับผู้ขี่มากยิ่งขึ้น
• รูปลักษณ์ที่ดูสวยงาม และทันสมัยขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลือยให้เห็นเฟรมรถ ทำให้รถดูมีระดับมากยิ่งขึ้น
• ความจุเครื่องเกือบเต็มลิตร ส่งผลให้แรงกว่าเดิมแบบสัมผัสได้ แต่ก็ยังคงขี่และควบคุมได้ไม่ยากจนเกินไป

ข้อสังเกต

• กระจกที่ดูจะหลุดง่าย เหมือน Z-Series โมเดลอื่นๆ
• เทคโนโลยีช่วยในการขับขี่มีเพียง ระบบ ABS เท่านั้น
• เบาะท้ายที่แคบเล็กมาก แบบรถ Supersport อาจทำให้ผู้โดยสารนั่งเมื่อยก้น ได้หากต้องเดินทางไกล

ขอขอบคุณ Kawasaki Motaoholic สำหรับรถทดสอบ Kawasaki Z900 สีเทา/ดำ Pearl Mystic Gray/Metallic Spark Black
ภณ เพียรทนงกิจ Test Driver & Photo 9carthai 
สุภิญญา ชำนาญกุล Photo

KAWASAKI Z 650 2017 “เน็คเก็ตไบค์…เล็กๆพริกขี้หนู”

KAWASAKI Z 650 2017

เครื่องยนต์ : 4จังหวะ 2 สูบเรียง Parallel Twin DOHC

ระบายความร้อน : ด้วยน้ำ

ปริมาตรกระบอกสูบ : 650 ซีซี.

ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก : 83 x 60 มม.

อัตราส่วนการอัด : 10.8 : 1

ระบบเกียร์ : ธรรมดา6 เกียร์

ระบบคลัทช์ : แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง

ระบบจ่ายเชื้อเพลิง : หัวฉีดเชื้อเพลิง  ø36 มม. x 2 ชุดมาพร้อมลิ้นเร่งคู่

ระบบขับเคลื่อน : แบบโซ่/สเตอร์

ไฟหน้า : แบบโคมเดี่ยวขนาดใหญ่ ผสานกับชุดครอบตูดไมล์และด้านบนของหน้ากากแบบสปอร์ต

ไฟท้าย : เกือบเหมือน Z 800 แต่แก้ทรงและใช้หน้าเลนส์แบบใสส่วนหลอดในเป็นสีแดงเป็นหลอด LED

แฮนด์ : เป็นทรงแบบ T-Bar ใส่ตุ้มปลายแฮนด์ที่มีน้ำหนักมากเพื่อเพิ่มความบาล้านซ์ในขณะขับขี่

ถังน้ำมัน : ทรงใกล้เคียงกับ Ninja 650

ขนาดความจุของถังน้ำมัน : 15 ลิตร

เบาะนั่ง : แบบแยก 2 ระดับ ตามแบบรถสปอร์ต

แผงคอด้านบน : เป็นแบบตุ๊กตาแฮนด์

กระจกมองข้าง : ทรงใบพายแบบก้านยาว

ปีกหน้อน้ำ : มาในแบบ 2 ชั้น ชั้นแรกเน้นความสวยงาม แต่ติดตั้งอยู่ทางด้านบนของข้างหม้อน้ำ ตัวที่เป็นการ์ดจริงๆ จะอยู่ด้านล่างถัดลงมา

ระบบสตาร์ท : ไฟฟ้า

ระบบท่อไอเสีย : มาในแบบ 2-1-1

ทำความเร็วสูงสุด : 200 กม./ชม.

ความยาวโดยรวม : 2,115 มม. (IDN/MYS/THA/PHL/CHN/IND)

ความกว้างโดยรวม : 775 มม.

ความสูงโดยรวม : 1,080 มม.

ระยะฐานล้อ : 1,410 มม.

ความสูงใต้ท้องรถ : 130 มม.

ความสูงเบาะนั่ง : 790 มม.

น้ำหนักรวม : 187 กก.

ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง : 15 ลิตร

ยาง
– หน้า 120/70ZR17M/C (58W)
– หลัง 160/60ZR17M/C (69W)

ระบบกันสะเทือน
– หน้า แบบเทเลสโคปิคผิวแกนเคลือบด้วยฮาร์ดโครเมี่ยมขนาด 41 มม. ปรับตั้งได้เล็กน้อย ระยะการทำงาน 125 มม.
– หลัง ระบบรองรับหลังแนวนอน Back-Link ปรับระยะพรีโหลดได้ ระยะการทำงาน 130 มม.

ระบบเบรก
– หน้า ดิสก์เบรกคู่ด้านหน้าแบบกึ่งลอยขนาด 300 มม. พร้อมร่องระบายความร้อน คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ
– หลัง ดิสก์เบรกเดี่ยวด้านหลังขนาด 220 มม. พร้อมร่องระบายความร้อน คาลิเปอร์ 1 ลูกสูบ

รู้สึกว่าระยะหลังๆ นี่ KAWASAKI เหมือนจะรุกตลาดหนักมากๆ เพราะทั้งออกแบบและผลิตสร้างรถรุ่นใหม่ๆ ออกมาค่อนข้างเยอะ ปีนี้เปิดแนวรุกอีกด้านในรูปแบบ Naked Sport ซึ่งแม้ว่าเครื่องยนต์จะอยู่ในขนาด 650 ซีซี. เหมือน Ninja กับ Versys แต่ก็มีการพัฒนาต่อยอดขึ้นไปอีก ไปดูกันเลยดีกว่าว่า Z 650 จะสวยเด็ดเข็ดฟันอย่างที่บอกหรือไม่?

ขอขอบคุณภาพจาก www.kawasaki.com

KAWASAKI Vulcan S ABS CAFÉ 2017 “ใกล้หรือไกลไปได้หมด”

KAWASAKI Vulcan S ABS CAFÉ 2017

เครื่องยนต์ : 4 จังหวะ 2 สูบ Parallel Twin

ระบบระบายความร้อน : หม้อน้ำ

การ์ดหม้อน้ำ : ได้ทรงดูแข็งแกร่ง ดูบึกบึน

ความจุเครื่องยนต์ : 649 ซีซี.

จากกระบอกสูบ x ระยะชัก เท่ากับ : 83 x 60 มม.

กำลังอัดเครื่องยนต์ : 10.8:1

ระบบการจ่ายเชื้อเพลิง : ด้วยระบบหัวฉีดอิเล็คทรอนิคส์ DFI

ขนาดเรือนลลิ้นเร่ง : 38 มม. 2 ชุดพร้อม Sub-Throttle Valve

ระบบจุดระเบิด : แบบ TCBI พร้อมระบบ Digital Advanced

ระบบคลัทช์ : แบบเปียกสั่งงานด้วยสายสลิง

ชุดเกียร์ : แบบธรรมดา 6  สปีด

เฟรม : ใช้โลหะในการขึ้นแบบโดยเป็นท่อเหล็กแล้วนำมาเชื่อมประกอบเข้าด้วยกัน

เรือนไมล์ : เป็นดิจิตอล

ไฟหน้า : แบบดวงเดียวมาพร้อมกรอบชีลด์หน้าบังลม

ไฟท้าย : ขนาดใหญ่มองเห็นชัดเจนทุกเวลา

บังโคลนหน้า : แบบเรียบเสมอไปกับล้อ

บังโคลนหลัง : เป็นแบบ 2 ชิ้น ชิ้นแรกเป็นบังโคลนแข็งปกคลุมล้อหลังและทำสีเดียวกับตัวรถ อีกชุดจะเป็นบังโคลนสีพลาสติคสีดำ ทำหน้าที่เป็นเบ้าไฟท้ายและจุดติดป้ายทะเบียน

แฮนด์ : T-Bar ทรงสูง

กระจก : ติดอยู่บนแฮนด์

เบาะนั่ง : ทรงขนาดใหญ่สีดำ รองรับทุกสรีระ

มิติสัดส่วน
กว้าง/ยาว/สูง : เท่ากับ 878/2,308/1,099 มม.
ความสูงจากพื้น : 129 มม.
ระยะห่างฐานล้อ : 1,574 มม
น้ำหนัก : 226 กก.
องศาเลี้ยว : 31 องศา
ความจุถังน้ำมัน : 14 ลิตร

วงล้อ/ยาง
– หน้า เป็นอะลูมิเนียม 120/70-18
– หลัง เป็นอะลูมิเนียม 160/60-17

ระบบกันสะเทือน
– หน้า เป็นแบบช็อคอับเทเลสโคปิค ขนาด 41 มม. ระยะยุบตัว 129 มม. สามารถปรับตั้งได้
– หลัง เป็นแบบเดี่ยวแบบเยื้องศูนย์พร้อมกระเดื่องปรับได้ตามต้องการ ระยะยุบตัวที่ 78.7 มม.

เบรค / มาพร้อมระบบ ABS
– หน้าใช้เป็นดิสแบบเดี่ยวขนาด 300 มม. คาลอเปอร์ 2 ลูกสูบ
– หลังใช้เป็นแบบเดี่ยวขนาด 250 มม. คาลอเปอร์ 1 ลูกสูบ

มอเตอร์ไซค์ทางเรียบเกือบทุกรุ่นของ KAWASAKI เหมือนจะไปได้สวย ทั้งเรื่องราคาและอะไหล่ แต่มีอยู่หนึ่งรุ่นที่น่าข้องใจ คือ Vulcan S ABS Cafe ไม่รู้ทำไมถึงไม่ค่อยได้เห็นตัวจริงบนถนน ทั้งๆ ที่รูปทรง ท่านั่ง และกำลังเครื่องที่มาในระดับเข้าขั้นดี หรือว่านี่คือรถดีที่บางครั้งก็โดนลืมนึกถึงไป

ขอขอบคุณภาพจาก www.kawasaki.com